พรบ.ฉุกเฉิน ม. ๔ ในพระราชกำหนดนี้
....... การปฏิบัติตามกฎหมาย ความปลอดภัยของประชาชน การดำรงชีวิตโดยปกติสุขของประชาชน การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ความสงบเรียบร้อยหรือประโยชน์ส่วนรวม หรือการป้องปัดหรือแก้ไขเยียวยาความเสียหายจากภัยพิบัติสาธารณะอันมีมาอย่างฉุกเฉินและร้ายแรง
พรบ.ฉุกเฉิน ม. ๙ ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลงได้โดยเร็ว หรือป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงมากขึ้น ให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจออกข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
(๑) ห้ามมิให้บุคคลใดออกนอกเคหสถานภายในระยะเวลาที่กำหนด เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นบุคคลซึ่งได้รับการยกเว้น
(๒) ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ หรือกระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย
(๓) ห้ามการเสนอข่าว การจำหน่าย หรือทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวหรือเจตนาบิด เบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน จนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั้งในเขตพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือทั่วราชอาณาจักร
(๔) ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ หรือกำหนดเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ
(๕) ห้ามการใช้อาคาร หรือเข้าไปหรืออยู่ในสถานที่ใดๆ
(๖) ให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ที่กำหนดเพื่อความปลอดภัยของประชาชนดังกล่าว หรือห้ามผู้ใดเข้าไปในพื้นที่ที่กำหนด
ข้อกำหนดตามวรรคหนึ่ง จะกำหนดเงื่อนไขเวลาในการปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือเงื่อนไขในการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่กำหนดพื้นที่และรายละเอียดอื่นเพิ่มเติม เพื่อมิให้มีการปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนเกินสมควรแก่เหตุก็ได้
จากคำสั่ง ศอฉ. ที่นำมาเปิดเผยแสดงเป็นข้อพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า มีการกระทำผิดในอำนาจหน้าที่ รวมทั้ง กฎหมายอาญา ของ รบ.อภิสิทธิ์ และ ศอฉ.
พรบ.ฉุกเฉิน ม ๑๑ ในกรณีที่สถานการณ์ฉุกเฉินมีการก่อการร้าย
(๑๐) ออกคำสั่งให้ใช้กำลังทหารเพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง หรือตำรวจระงับเหตุการณ์ร้ายแรง หรือควบคุมสถานการณ์ให้เกิดความสงบโดยด่วน ทั้งนี้ ในการปฏิบัติหน้าที่ของทหารให้มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำหนดนี้ โดยการใช้อำนาจหน้าที่ของฝ่ายทหารจะทำได้ในกรณีใดได้เพียงใดให้เป็นไปตามเงื่อนไข และเงื่อนเวลาที่นายกรัฐมนตรีกำหนด แต่ต้องไม่เกินกว่ากรณีที่มีการใช้กฎอัยกาศึก
คำสั่ง ให้ทหารออกปฎิบัติการ โดยพร้อมด้วยอาวุธยุโธปกรณ์สงคราม เป็นกรณีที่มีการใช้กฎอัยการศึก แต่ไม่ใช่ กรณี พรบ.ฉุกเฉิน
พรบ.ฉุกเฉิน ม. ๑๗ พนักงานเจ้าหน้าที่และผู้มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำหนดนี้
ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางวินัย เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ในการระงับหรือป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย หากเป็นการกระทำที่สุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่เกินสมควรแก่เหตุหรือไม่เกินกว่ากรณีจำเป็น แต่ไม่ตัดสิทธิผู้ได้รับความเสียหายที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากทางราชการตามกฎหมายว่าด้วย ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
การปฎิบัติการ ของ ศอฉ. และ จนท.ทหาร อย่างน้อย ในวันที่ ๑๐ และ ๑๙ เป็นการกระทำผิด ในหน้าที่ตามพระราชกำหนด ทางวินัย และทางกฎหมายแพ่ง กฎหมายอาญา อันไม่อยู่ในความคุ้มครองใดๆ จาก พรบ.ฉุกเฉิน
หลังจากที่ รบ.อภิสิทธิ์ ได้หมดอำนาจลงไปแล้ว ที่น่าสนใจก็คือ กลุ่มนักวิชาการ และทนายความ ของ พรรคฝ่ายค้าน ปชป. จะมีความสามารถในระดับใด ที่จะยุดยั้งการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หรือแก้คดีความให้หลุดพ้นไปได้ รวมทั้งคำพิพากษาที่จะปรากฏออกมา จากตุลาการไทย อันก็จะเป็น ประสบการณ์ข้อมูลด้านวิทยาการที่มีคุณค่าสูงส่ง สำหรับ นักนิติศาสตร์ในไทยและทั่วโลก ที่กำลังจับตารอคอยอยู่ จำนวนไม่น้อย ทีเดียว ครับ
แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 54 11:27:35