เห็นการสัมภาษณ์ของ รมต. ป้ายแดง สุกุมล คุณปลื้ม . ภรรยาคุณสนธยา จากพรรคพลังชลแล้ว . บอกได้คำเดียวว่าเป็นห่วง . ก็เข้าใจว่าท่านเจตนาดี . ที่เห็นเขมรนำ ท่ารำไทย ไปจดทะเบียนเป็นมรดกโลกของเขมร . แล้วเรารู้สึกว่า ท่ารำ มันเป็นของเรา . เขมรทำไม่ถูก ต้องเอาคืน .
แต่อยากให้ท่าน รมต. ปรึกษากรมกองที่มีความรู้ด้านนี้ดีๆว่า . แท้จริงแล้ว ท่ารำ ดังกล่าวเป็นของไทยหรือเขมร . ถามกรมศิลปากรน่าจะได้คำตอบ . เพราะดูตามประวัติศาสตร์ . อาณาจักรขอมเจริญรุ่งเรืองมาก่อนเรา . นาฏศิลป์ถือเป็นศิลปชั้นสูงในราชสำนักขอม . ตอนนั้นไทยเรายังไม่มีอะไรเลย .
ใครไปเที่ยวนครวัด นครธม คงเห็นภาพแกะสลักของนางอัปสร ในท่าร่ายรำอันสวยงามอ่อนช้อย . ภาพพวกนั้นเกิดก่อนราชอาณาจักรไทยเสียอีก . ถ้าบอกว่า ท่ารำไทย ได้รับรูปแบบและอิทธิพลจากเขมร ค่อยน่าเชื่อถือหน่อย .
อีกอย่างการออกมาให้สัมภาษณ์อย่างรวดเร็วผ่านสื่อ อาจทำให้เกิดปัญหาได้ . รัฐบาลนี้มีความมุ่งมั่นจะสร้างสัมพันธที่ดีกับเขมร . หลังจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ทำเละตุ้มเป๊ะมาแล้ว . คุณสุกุมล มีความรักชาติมาก เรื่องนี้น่าภูมิใจ . แต่ถ้าทำเรื่องอะไรผิดพลาดมันจะกลายเป็นคลั่งชาติไปนะครับ .
อีกอย่างเรื่อง ท่ารำ ก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร . และไม่ใช่เรื่องจะเอาเป็นเอาตายกันตอนนี้ . ท่ารำ เป็นวัฒนธรรม . เหมือนสิ่งที่เป็น วัฒนธรรมอื่นๆ เช่น ดนตรี สถาปัตยกรรม ภาษา ฯ ซึ่งมีลักษณะผสมผสานกันอยู่หลายวัฒนธรรม . ไม่สามารถแยกอย่างเด็ดขาดได้ .
แนวโน้มในปัจจุบัน โลกนิยมให้เกิดการ ผสมผสานวัฒนธรรม มากกว่า แบ่งแยกวัฒนธรรม . เพราะมนุษย์แต่ละชาติมีการติดต่อกันมากขึ้น รวดเร็วขึ้น . ถ้าใช้วัฒนธรรมเป็นสื่อที่ดีก็จะเกิดประโยชน์ . ไม่ควรใช้วัฒนธรรมแบ่งแยกคนออกจากกัน .
ใจเย็นๆหน่อยครับท่าน รมต.