มาร์คครับ ผมว่ามาร์คอย่าพึ่งเสียเวลามาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลใหม่เลยครับ

สู้เอาเวลามาปฏิรูป ปรับปรุงพรรคของมาร์คก่อนดีกว่าไหมครับ มาร์คยอมรับเองว่า ตอนนี้พรรคของมาร์คยังหาคนที่ดีกว่าคนที่พ่ายแพ้ทุกครั้งในการลงแข่งเลือกตั้งอย่างมาร์ค ดังนั้นเรื่องบุคลากรคงไม่ต้องพูดถึง แต่เรื่องปัญหาภายใน และการปรับเปลี่ยนวิธีการต่อสู้ทางการเมือง ต้องการการเปลี่ยนแปลงจริงๆนะครับ เพื่อจะได้ยกตัวเองให้เป็นพรรคคู่แข่งได้อย่างทัดเทียมกัน เผื่อเป็นตัวเลือกของประชาชนเสียงส่วนใหญ่ในอนาคต

มาร์คครับ มาร์คคงต้องยอมรับนะครับว่า เกือบ 20 ปี พรรคของมาร์คไม่เคยชนะกันเลือกตั้งแม้แต่ครั้งเดียว
ไม่ว่าจะเป็นการแพ้พรรคชาติไทยของคุณบรรหารในปี 38
ไม่ว่าจะเป็นการแพ้พรรคความหวังใหม่ของคุณชวลิตในปี 39
ไม่ว่าจะเป็นการแพ้พรรคไทยรักไทยของคุณทักษิณในปี 44
ไม่ว่าจะเป็นการแพ้พรรคไทยรักไทยของคุณทักษิณอีกครั้งในปี 48 ครั้งนี้แพ้น่าเกลียดที่สุดเลยนะมาร์ค
ไม่ว่าจะเป็นการแพ้พรรคพลังประชาชนที่นำโดยคุณสมัครในปี 50 แพ้ในขณะที่ใช้รัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ
และล่าสุดยังมาแพ้กับพรรคเพื่อไทย ที่คุณยิ่งลักษณ์ใช้เวลาแค่ 49 วันเท่านั้น แถมแพ้มากมายอีกเช่นกัน

เห็นหรือยังครับว่า พรรคของมาร์คพ่ายแพ้ติดต่อกันถึง 6 ครั้ง โดยเฉพาะการนำของมาร์ค ก็พ่ายแพ้อย่างหมดรูปมาแล้วถึง 2 ครั้ง นี่ยังไม่นับที่มาร์คบอยคอร์ด (เพราะถ้าไม่บอยคอร์ด ก็แพ้อีกแหงๆ) นี่ขนาดมาร์คเส้นใหญ่แล้วนะครับ มีตัวช่วยมากมาย ก็ยังพ่ายแพ้หมดรูปขนาดนี้ ถ้าสู้กันอย่างยุติธรรม ภายใต้กติกาที่เป็นธรรม ผมว่าผลคะแนนคงออกมาน่าเกลียดน่าชังยิ่งกว่านี้อีกมากมายแน่ๆเลยมาร์ค มาร์คไม่อาย แต่ผมอายแทนมาร์คมากเลยครับ

จริงอยู่ มาร์คอาจจะเถียงผมว่า ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา พรรคของมาร์คได้เป็นรัฐบาลถึง 2 ครั้ง แต่ทั้งสองครั้ง ล้วนแต่ต้องอาศัยกลุ่มงูเห่า หรือกลุ่มกบถของพรรคอื่นมาเป็นบันไดนำพรรคของมาร์คขึ้นสู่ตำแหน่ง ไม่ใช่ความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะครั้งล่าสุดที่มาร์คได้เป็นนายกฯนั้น ต้องอาศัยตัวช่วยมากมาย ต้องใช้วิธีการมากมาย แม้กระทั่งการรัฐประหารทางกฎหมาย เพื่อให้มาร์คได้จัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ซึ่งนอกจากไม่สง่างามแล้ว ยังทำให้ประชาชนเพิ่มความขัดแย้งมากขึ้นไปอีก จนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมกลางเมืองหลวง โดยยังหาความรับผิดชอบจากใครไม่ได้จนถึงทุกวันนี้

มาร์คครับ ถ้ามาร์คยังคงเป็นหัวหน้าพรรคอยู่อย่างนี้ มาร์คสมควรมองหาปัญหาที่จะต้องแก้ไข เพื่อที่จะได้ต่อสู้ให้ได้ชนะการเลือกตั้งเสียที ไม่ใช่เพื่อพรรคของมาร์คหรอกครับ แต่ผมไม่อยากให้พรรคของมาร์คต้องจัดตั้งรัฐบาลอย่างที่แล้วๆมา เพราะนั่นรังแต่จะทำให้ได้รัฐบาลที่ไม่สง่างาม ไม่ค่อยชอบธรรม และก็ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน

แต่ผมคิดว่า เรื่องแบบนี้ พรรคของมาร์ครวมทั้งตัวมาร์คเองคงคิดเองไม่ได้หรอกครับ ดังนั้นผมจึงอยากเสนอความคิดเห็นสักเล็กน้อย เรื่องความผิดพลาดในแนวทางการต่อสู้ของพรรคมาร์คตลอดเวลาที่ผ่านมา เพื่อให้มาร์คนำไปแก้ไขปรับปรุง เพื่อเป็นทางเลือกทางใหม่ของประชาชนและให้สมกับราคาคุยเรื่องความเป็นพรรคเก่าแก่ของพรรคมาร์คไงครับ

ความเห็นของผมก็ง่ายๆครับ แค่สองเปิด สองกล้าและสองเลิกเท่านั้นเองครับมาร์ค

เปิดหนึ่ง นั้น ผมหมายถึงมาร์คต้องเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ไม่ใช่พอเป็นฝ่ายค้าน ต้องให้รัฐบาลฟังความคิดเห็นของสังคม แต่พอตัวเองเป็นรัฐบาลกลับไม่เคยฟังเลยว่าสังคมต้องการอะไร นี่จึงเป็นความล้มเหลวที่จะได้ใจคนส่วนใหญ่ แล้วกลับคิดว่า ที่ไม่ได้รับการเลือกตั้งเพราะคู่ต่อสู้ชนะด้วยเงินบ้าง ด้วยกลยุทธการตลาดบ้าง หรือด้วยโครงการประชานิยมบ้าง ซึ่งเรื่องเหล่านี้มาร์คก็ทำมาแล้วทุกเรื่อง แล้วชนะหรือเปล่าหล่ะมาร์ค

เปิดสอง นั้น ผมหมายถึงมาร์คต้องเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของมวลชนที่สนับสนุนมาร์ค มาร์คคงต้องยอมรับว่า พรรคของมาร์คแม้เป็นพรรคเก่าแก่ที่สุดในบรรดาพรรคการเมืองทั้งหลาย แต่ศูนย์กลางของอำนาจกลับตกอยู่ภายใต้การบริหารของสมาชิกเพียงไม่กี่คน ซึ่งหลายคนได้สถานะความเป็นผู้นำมาจากชาติตระกูล นามสกุลหรือความสัมพันธ์ระบบเครือญาติ ไม่ใช่มาจากความสามารถหรือผลงาน การขับเคลื่อนของพรรคจึงมาจากแกนนำเพียงกลุ่มเดียว ดังนั้นมาร์คจึงควรเปิดกว้างยอมรับความคิดเห็นของมวลชน เพื่อสร้างกระบวนการขับเคลื่อนทิศทางของพรรคไปสู่แนวทางที่ดีกว่า ทำเป็นไหมมาร์ค

ส่วนกล้าหนึ่ง ผมหมายถึง มาร์คต้องกล้าผลัดใบคณะกรรมการบริหารชุดเก่า เปิดให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนที่ จริงอยู่ที่คนรุ่นเก่าที่มีประสบการณ์ทางการเมืองสูง สามารถนำพาพรรคพ้นจากวิกฤติมาหลายต่อหลายครั้ง แต่คนรุ่นเก่าจะยังคงมีความคิดแบบเก่าๆ ในขณะที่สังคมกำลังก้าวสู่ความเป็นโลกาภิวัตน์ ดังนั้นพรรคของมาร์คจึงควรมีคนรุ่นใหม่ที่มีไอเดียใหม่ๆมานำเสนอเสียบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้คนรุ่นเก่ากุมอำนาจการบริหารดังเช่นขณะนี้ มิฉะนั้นคนรุ่นใหม่ก็จะถูกกลืนกินจนหาสายเลือดแบบใหม่ๆไม่เจอ เหมือนดังเช่นมาร์คไงครับ ที่ไม่เหลือเค้าโครงของคนหนุ่มสายเลือดใหม่เช่นดังที่มาเล่นการเมืองใหม่ๆ แล้วมาร์คจะเถียงนะครับว่า ได้ปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคใหม่แล้ว ผมก็มองว่ายังไม่ใช่ครับ ไม่ว่าจะเป็นโฆษกพรรคที่ยังติดขัดเรื่องคุณสมบัติของพรรคอยู่ เพียงแต่มีการยกเว้นเพื่อคนๆนี้ หรือแม้กระทั่งแม่บ้านพรรคคนใหม่ที่จะได้รับการสนับสนุนจากแก๊งไอติม หรือจะเป็นกรรมการบริหารพรรคคนใหม่ที่ยังมีชนักติดหลังเรื่องรถดับเพลิงอยู่ หรือแม้กระทั่งตัวหัวหน้าพรรคเองก็เป็นขุนพลผู้พ่ายแพ้มาตลอด อย่างนี้จะเอาอะไรไปสู้เขาล่ะครับ มาร์คว่าจริงไหมครับ

กล้าสอง ผมหมายถึง ต้องกล้าเผชิญกับปัญหาเรื่องอื้อฉาว โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับความขัดแย้ง มาร์คต้องยอมรับกับตัวเองให้ได้เสียก่อนว่า มาร์คไม่เคยคิดจะเผชิญกับปัญหาต่างๆ ไม่เคยคิดจะรับผิดชอบกับปัญหาที่ตัวเองก่อขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนายกฯรู้คนเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอื้อฉาวในเรื่องทุจริต ไม่ว่าจะเป็นการถือสองสัญชาติ แม้กระทั่งคนตายและบาดเจ็บมากมาย ยังไม่เคยเห็นมาร์คยึดอกรับผิดชอบสักเรื่องเดียว ใช้แต่วาทกรรมในการหลีกเลี่ยงปัญหามาตลอด โดยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นดังที่ผ่านมา ดังนั้นผมจึงอยากเห็นนายกฯของประเทศต้องรู้จักรับผิดเสียบ้าง ต้องกล้าเผชิญกับปัญหา แล้วสร้างกระบวนการเพื่อแก้ไขปัญหา ไม่ให้ปัญหาลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นอีก ต้องมีการตรวจสอบภายในพรรค เพื่อให้พรรคโปร่งในยิ่งขึ้น อันจะเป็นผลดีต่อพรรคในระยะยาว สามารถหรือเปล่าหล่ะมาร์ค

แล้วก็มาถึง เลิกหนึ่ง ซึ่งผมหมายถึง มาร์คควรจะเลิกหวังทางลัดทางการเมือง แล้วหันมาเล่นการเมืองโดยยืนบนขาตัวเอง ไม่ใช่หวังพึ่งกลุ่มงูเห่าในสมัยชวน 2 หรือ พึ่งกลุ่มงูเห่าในสมัยของมาร์คเอง สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้พรรคของมาร์คไม่ได้สนใจเรื่องของผลงาน นอกจากคอยมองหาอำนาจพิเศษมาช่วยพลิกขั้วทางการเมือง แม้จะไม่ผิดกฎหมาย แต่มันไม่สง่างาม อีกทั้งยังสร้างความแตกแยกให้กับสังคมดังเช่นที่มาร์คประสบมา แล้วอย่างนี้มาร์คจะมาอ้างว่าเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยได้อย่างไร ในเมื่อมาร์คไม่เคยคิดจะเอาชนะอย่างตรงไปตรงมาตามระบอบรัฐสภา จริงหรือเปล่าครับมาร์ค

ส่วนเลิกสุดท้าย ผมหมายถึง เลิกใส่ร้ายป้ายสีเสียที ในอดีต พรรคของมาร์คอาจจะชนะทางการเมืองด้วยการใส่ร้ายป้ายสีพรรคอื่น ไม่ว่าในกรณีของคุณปรีดี ที่ส่งคนไปร้องในโรงหนัง หรือ วาทกรรม “จำลองพาคนไปตาย” หรือแม้กระทั้งเรื่องสัญชาติของคุณบรรหาร ซึ่งในอดีตอาจจะได้ผล อาจจะทำให้พรรคของมาร์คได้เปรียบทางการเมือง แต่ในยุคปัจจุบัน ยุคที่ข่าวสารไร้พรมแดน ยากที่จะใช้วิธีการเดิมๆได้อีกแล้วครับมาร์ค ดังเห็นได้จากการที่ใช้วิธีถอนพิษทักษิณที่กลางสี่แยกราชประสงค์ หรือวาทกรรมล้มเจ้า ผู้ก่อการร้าย ก็ไม่มีทางทำให้พรรคของมาร์คได้เปรียบทางการเมืองแม้สักนิด แต่กลับทำให้บรรยากาศทางการเมืองต้องเผชิญหน้ากันมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายจนกลายเป็นความรุนแรงเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมากมาย ดังนั้นสิ่งที่มาร์คควรทำเป็นอย่างแรกก็คือ ต้องเลิกแนวทางการโจมตีหรือใส่ร้ายคู่ต่อสู้ทั้งหมด แล้วหันมาเล่นการเมืองอิงอยู่บนหลักฐานและข้อเท็จจริงตามหลักวิชาการ ยอมรับในสิ่งที่คู่แข่งทำได้ดีกว่า และพยายามเอาชนะด้วยผลงานหรือหลักวิชาการมากกว่าการใช้วาทกรรมเชือดเฉือนดังที่ผ่านมา แค่นี้ทำได้หรือเปล่าครับ มาร์ค

วันนี้ขอเสนอแนวทางแค่ 6 ข้อแค่นี้ก่อนนะครับ กลัวว่าถ้ามากไป มาร์คจะตามไม่ทัน และสำหรับผมก็รู้สึกตัวเองเขียนเพื่อผลประโยชน์กับตัวมาร์คเองมากที่สุดตั้งแต่ผมรู้จักกับตัวตนของมาร์คมา ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่ว่าผมเกิดพิศวาสในตัวมาร์คนะครับ แต่ผมสงสารประเทศที่จะต้องหยุดอยู่กับที่หรือถอยหลังลงคลอง ตราบใดที่มาร์คยังเล่นการเมืองแบบเดิมๆอยู่ ผมจึงยอมเสียเวลาเขียนบทความนี้เพื่อมาร์คโดยเฉพาะ แล้วมาร์คอย่ามาอ้างอีกนะครับว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามมติพรรค เพราะว่าผมก็เห็นหลายครั้งที่มีการแหกมติพรรคออกบ่อย ดังนั้นข้ออ้างเรื่องมติพรรคจึงเป็นเพียงข้ออ้างสำหรับการแก้ตัวเท่านั้นเองครับ มาร์คจึงอย่านำมาอ้างเพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงนะครับ อยากจะเป็นผู้นำต้องกล้าๆหน่อยครับมาร์ค

ดังนั้นถ้าความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้มาร์คมีโอกาสกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง (หากมาร์ครอดพ้นจากข้อหาการทำร้ายประชาชนดังเช่นรอดจากการถูกยุบพรรค ) แล้วอยากจะตอบแทนผมหล่ะก้อ ผมก็หวังแค่ตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศเท่านั้นเองครับ เพราะรู้สึกความสามารถในการคัดเลือกตำแหน่งนี้ของมาร์คค่อนข้างอ่อนด้อย ถึงแม้ความสามารถของผมอาจไม่ถึงขั้น แต่ผมก็คิดว่าถ้าผมได้ตำแหน่งนี้เมื่อไหร่ ต่อให้ผมไม่ทำอะไรเลย ประเทศก็คงได้รับประโยชน์มากกว่ารัฐมนตรีต่างประเทศที่ชื่อกษิต ภิรมย์ที่มาร์คแต่งตั้งอย่างแน่นอนครับ

จากคุณ	: ทวดเอง
เขียนเมื่อ	: 15 ส.ค. 54 09:42:05 A:27.130.170.189 X: