แล้ว “ความจริง” ที่ถูก “ปกปิด” มาตลอดในยุค รัฐบาลประชาธิปัตย์ ก็ถูกเปิดเผยออกมาจนได้ เมื่อ ดร.สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
รัฐมนตรีต่างประเทศ เปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่เคยมีชื่ออยู่ในบัญชีจับกุมของ ตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โปล เลยมาตั้งแต่ต้น
เรื่องนี้แดงขึ้นหลังจากที่ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น แถลงเมื่อวันจันทร์ว่า ญี่ปุ่นได้ออกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่สถานกงสุลดูไบ ตามคำร้องขอของรัฐบาลไทย เพื่อไปเยือนพื้นที่ประสบภัยสึนามิที่จังหวัดมิยางิ ตั้งแต่วันที่ 22-28 สิงหาคม เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
ไม่น่าเชื่อนะครับ หมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ของ ตำรวจสากล ที่ รัฐบาลประชาธิปัตย์ ตีปี๊บมาตลอด จะกลายเป็นเรื่อง “เด็กเลี้ยงแกะ” ไปเสียฉิบ ทั้งๆที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ได้แถลงเรื่องนี้อย่างเอิกเกริกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกตำรวจสากลขึ้นหมายแดงไปเรียบร้อยแล้ว จะถูกตามจับไปทั่วโลก
แค่ นั้นยังไม่พอ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอไอ สมัยนั้นยังมีการประชุมกับ ตำรวจ และ อัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ เป็นเรื่องใหญ่โต เพื่อหาทางดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณกันอย่างเคร่งเครียดจริงจัง
สุดท้ายกลายเป็นเรื่อง ละครตลกบริโภค ทุกอย่างเป็นเรื่องไม่จริงหมด
เมื่อ วันจันทร์ พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงยืนยันซํ้า กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เคยร้องขอไปยัง อินเตอร์โปล ที่ประเทศฝรั่งเศส เพื่อให้พิจารณาขึ้นหมายแดง พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อสองปีก่อน
แต่ทาง อินเตอร์โปลไม่ได้ขึ้นหมายแดงให้ และมีหนังสือตอบกลับมาว่า กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เข้าเงื่อนไข การประกาศหมายแดงของทางอินเตอร์โปล
หลังจากนั้น กองการต่างประเทศก็ไม่ได้ร้องขอไปอีก จึงยืนยันได้ว่า ไม่มีการร้องถอนหมายแดงแต่อย่างใด เพราะอินเตอร์โปลไม่เคยขึ้นหมายแดง พ.ต.ท.ทักษิณมาก่อน
แล้วทำไม รัฐบาลประชาธิปัตย์ จึงไม่แถลงความจริงตั้งแต่ต้น แต่กลับทำให้ทุกคนเข้าใจผิดคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังมีหมายจับตำรวจสากลอยู่มาถึง 2 ปี
ความจริงที่เกิด ขึ้นวันนี้ สะท้อนการทำงานของ รัฐบาลประชาธิปัตย์ ตำรวจ อัยการ และ ดีเอสไอ ในยุค รัฐบาลประชาธิปัตย์ ได้เป็นอย่างดี
แม้ล่าสุด นักข่าวไปถาม คุณศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ ว่า จะมีการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ญี่ปุ่น เพื่อให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่
เพราะ คุณนพดล ปัทมะ ทนายที่ปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้เปิดเผยถึง กำหนดการของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างชัดเจนว่าอยู่ที่ไหน วันที่ 23 สิงหาคม เวลา 12.00 น. อยู่ให้สัมภาษณ์เรื่อง ประชาธิปไตยในประ- เทศไทย กับชมรมผู้สื่อข่าวญี่ปุ่น เวลา 18.00 น. จะไปบรรยายเรื่อง บทบาททางธุรกิจของเศรษฐกิจโลก วันที่ 24 จะไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยทามะ วันที่ 25-26 จะไปเยี่ยมสถานที่เกิดเหตุสึนามิ
แต่ คุณศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กลับตอบว่า การติดตามผู้ร้ายข้ามแดนของอัยการ ต้องรอให้กระทรวงต่างประเทศแจ้งที่อยู่ที่ชัดเจนของ พ.ต.ท.ทักษิณในญี่ปุ่นมาให้อัยการก่อน หากไม่ทราบที่อยู่ที่ชัดเจน อัยการก็ไม่สามารถระบุรายละเอียดเพื่อทำหนังสือขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ อัยการไม่สามารถใช้ข้อมูลที่ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์หรือสื่อต่างๆได้
โอ้ พระเจ้าช่วยกล้วยทอด อะไร อัยการแผ่นดิน จะทำงานกันสบายขนาดนี้ จะต้องรอให้ผู้ต้องหาไปมอบตัวถึงที่ แล้วขอร้องให้กรุณาจับกุมทีเถิด ไหมเนี่ย ไม่งั้นก็คงต้องรอให้ ผู้ต้องหาแก่ตายไปเอง หรือ หมดอายุความ ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ
วันนี้ผมไม่อยากวิจารณ์อะไร แต่เอา “เรื่องจริง” จาก “พฤติกรรม” ของ “นักการเมือง” กับ “ข้าราชการไทย” และ “อัยการแผ่นดิน” ที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆมาบอกเล่าสู่กันฟัง ด้วยความรู้สึกที่สิ้นหวัง แล้ว “คนไทย” จะพึ่งพา “กระบวนยุติธรรม” ของบ้านเมืองได้อย่างไร เศร้า อ่านว่า เศร้า.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/194643มาร์ค เป็นผู้นำประเทศที่มีประชากร 63 ล้านคน กล้าหลอกลวงคนทั้งประเทศเรื่อง "ตำรวจสากล"
แถมพอเรื่องแดงว่าไม่เคยมีหมายจับดังว่า ก็ออกมาตีสองหน้าบอกว่า เป็นความผิดของตนที่ทำเรื่องนี้ไม่เสร็จ จึงขอฝากรัฐบาลใหม่ให้สานต่อ......โกหกครั้งแรกไม่พอ ยังจะโยนขี้ให้คนถัดไป ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่า ไม่อยู่ในเงื่อนไขที่ตำรวจสากลเขายอมรับ ต่อให้อีกกี่รัฐบาลไทยเขาก็ไม่ทำให้....อีกไม่นานมาร์คก็จะมาแหกปากอีกว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ยอมติดต่อให้ตำรวจสากลออกหมายจับ....เลือกปฏิบัติเพราะเป็นพี่ชาย.....
คนมันจะด้านไปถึงไหนฟะ ถามจริง ๆ เถอะที่ผ่านมาคิดว่า ปชช.ทั้งประเทศ เขาโง่ หรือเพราะตัวมาร์คโง่กันแน่.....ถึงกล้าโกหกคนทั้งประเทศได้โดยไม่รู้สึกอะไร
และที่ ลม เปลี่ยนทิศ เศร้ากับกระบวนการยุติธรรมของไทย.......ก็อยากให้ ลม เปลี่ยนทิศ ย้อนกลับไปดูเรื่องราวต่าง ๆ ย้อนหลังตั้งแต่ 19 ก.ย.49 เป็นต้นมา ว่าเป็นเช่นไร.....ลม เปลี่ยนทิศ น่าจะรู้สึก เศร้า อย่างที่ ปชช.ส่วนใหญ่เขารู้สึกมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมารู้สึกเอาตอนนี้