ขออนุญาตมองต่างมุมในกรณีของคุณทักษิณนะครับ
|
 |
เดิมทีผมเห็นด้วยนะครับกับเรื่องที่ให้คุณทักษิณหยุดการเคลื่อนไหวทุกรูปแบบ เพื่อไม่ให้น้องสาวต้องเหนื่อย แต่พอมาถึงวันนี้ หลังจากได้ยินสื่อฯหลายสื่อฯพูดในทำนองเดียวกัน แม้กระทั่งบางสื่อฯพูดขนาดว่า อยากให้คุณทักษิณเงียบสนิท ทำตัวให้เหมือนไม่มีตัวตนในโลก
แล้วผมก็เห็นถึงความพยายามโจมตีในทุกเรื่อง หลายเรื่องอย่างอินเตอร์โพลก็เป็นเรื่องเท็จ เรื่องคืนพาสปอร์ตแดงก็เป็นเรื่องไม่จริง ส่วนประเด็นเรื่องการให้วีซ่าเข้าญี่ปุ่น ก็ทำให้ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ถ้าคุณทักษิณได้เข้าไปญี่ปุ่นเมื่อไหร่ ประเทศไทยจะถึงกาลอวสานซะงั้น แล้วยังมีสภาการหนังสือพิมพ์ออกมาพูดในทำนองมีการซื้อสื่อฯของพรรคเพื่อไทย ซึ่งล้วนแต่มุ่งโจมตี เพื่อหวังดีสเครดิตรัฐบาล หรือแม้กระทั่งหวังล้มรัฐบาลเลยทีเดียว
แม้กระทั่งล่าสุดนายตุลย์ออกมาเคลื่อนไหว กดดันญี่ปุ่น จากรถที่นำไปใช้ในภารกิจนี้ ก็ดันเป็นคันเดียวกับที่ ปชป. ใช้ตอนหาเสียงเสียด้วย อย่างนี้จะให้แปลความหมายว่าอย่างไรกันครับ ถ้าไม่ใช่การเล่นการเมืองทั้งในสภาและนอกสภา นี่คือการเล่นการเมืองอย่างสร้างสรรตามคำพูดของคุณอภิสิทธิ์
เรื่องเหล่านี้แหละครับทำให้ผมต้องออกมายืนมองประเทศในมุมที่กว้างขึ้น แล้วผมก็พบว่า ต่อให้คุณทักษิณไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย ก็ต้องถูกโจมตีจากกลุ่มคนเดิมๆที่ไม่เคยยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง และคุณปูที่เป็นน้องสาวของคุณทักษิณก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถึงอย่างไรก็ต้องเป็นน้องสาวคุณทักษิณตลอดไป แล้วอย่างนี้พวกเราจะถือว่าเป็นความผิดที่ต้องยอมให้พวกเขาเหล่านั้นอย่างนั้นหรือครับ
และถ้าจะให้คุณทักษิณทำตัวเหมือนไม่มีตัวตนดังเช่นสื่อฯบางท่านให้ความคิดเห็นยิ่งไปกันใหญ่เลยครับ ก็ที่พวกเราต่อสู้กันอยู่ ไม่ใช่เพื่อความเท่าเทียมกันหรือครับ ไม่ใช่ต้องการสิทธิและเสรีภาพหรอกหรือ เมื่อประชาชนให้ฉันทามติมาอย่างนี้แล้ว ทำไมคุณทักษิณจึงต้องเสียสละมากมายขนาดนั้นล่ะครับ ทำไมเราจึงยังคงกลัวพวกผู้แพ้ทั้งหลายอีกหล่ะครับ ทำไมเสียงของคนเหล่านั้นยังคงเสียงดังกว่าคนอีกกลุ่มล่ะครับ ทั้งๆที่หลายปีที่ผ่านมา ก็เพียงพอทีจะพิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า พวกนี้ไม่เคยทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศแม้สักนิดเดียว มีแต่สร้างความแตกแยก ความเสื่อมเสีย อีกทั้งยังคงหวังผลประโยชน์เพื่อตัวเองและพวกพ้อง โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะเกิดกับประเทศ อย่างนี้แล้ว พวกเรายังต้องเกรงใจกันอีกหรือ? พวกเรายังต้องคร้ามเกรงพวกเหล่านี้หรือครับ พวกเราจะยอมให้กับเหล่าพวกสมองด้านหน้าบกพร่องอย่างนั้นหรือครับ
ความเห็นส่วนตัวของผม ผมคิดว่า พวกเราก็เข้าทำนองหมาป่ากับลูกแกะ ที่ต่อให้ไม่ทำอะไรเลย พวกหมาป่าก็ต้องหาเรื่องขม้ำลูกแกะอยู่วันยังค่ำ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราโดนมาหลายเรื่อง ซึ่งแต่ละเรื่อง อย่าว่าแต่คนไทยด้วยกันเลยนะครับ แม้แต่ต่างประเทศก็ยังดูออก แล้วเราจะทนอยู่อย่างเก่า โดยไม่คิดแก้ไข เปลี่ยวิธีใหม่เลยหรือครับ
เรายังคงยอมรับความเป็นลูกแกะเชื่องๆ ที่รอวันถูกหมาป่าทำร้าย โดยไม่คิดต่อต้าน หรือเราจะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเสือ เพื่อไม่ให้ถูกหมาป่าเกเรทำร้ายอีกต่อไป เราจะเลือกทางไหนดี?
ดังนั้นผมจึงคิดว่า ถึงเวลาแล้วครับที่คุณทักษิณควรเปิดหน้าสู้ร่วมกับพ่อแม่พี่น้องที่สนับสนุนท่าน ควรจะนำความรู้ความสามารถของท่านมาทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศ ตามนโยบายทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ซึ่งประชาชนก็ลงมติเห็นดีเห็นงามแล้วด้วย เราจึงควรทำตามนโยบายที่เสนอไว้ แล้วปล่อยให้พวกเสียงส่วนน้อยบ้าไปตามประสาของพวกมันเถอะครับ
อย่าลืมนะครับ กว่าเราจะผ่านด่าน กกต.มาได้ ก็ทำให้เราต้องพะวักพะวงอยู่หลายวัน ทั้งๆที่ได้คะแนนเสียงอย่างท่วมท้น และก็ไม่ใช่จะจบเพียงเท่านี้
ยังมีศาลรัฐธรรมนูญเป็นด่านต่อไป ซึ่งเราคงรู้ดีอยู่แล้วว่า มีความเป็นกลางขนาดไหน จากผลสำรวจของสำนักโพล
จากด่านนี้แล้วยังมี ปปช. ที่เงื้ออีโต้รอฟันอยู่ข้างหน้าเป็นด่านต่อไป
แล้วยังมี สตง.อีกล่ะ พวกเหล่านี้ล้วนมาจากการแต่งตั้งของ คมช.ทั้งสิ้น ที่ทั้งเลือกทั้งเฟ้นพวกที่อยู่ตรงข้ามกับพรรคของประชาชนทั้งสิ้น แล้วเราจะรอจนถึงวันนั้น แล้วค่อยมาเรียกร้องมาชุมนุม จากนั้นก็ถูกปราบปรามจนถึงชีวิตอย่างนั้นหรือครับ
ผมจึงคิดว่า น่าจะถึงเวลาที่ต้องทำกันอย่างกล้าหาญแล้วล่ะครับ ต้องตีเหล็กที่กำลังร้อนๆถึงจะดีครับ ต้องกระทำตั้งแต่ตอนนี้ กระทำตอนที่กระแสนายกฯหญิงของเรากำลังฮอทสุดๆอย่างนี้เลยนะครับ
จริงอยู่ตอนแรกผมก็เห็นด้วยเช่นกันครับว่า ควรจะดูแลเรื่องของปากท้องเป็นอันดับแรก และความปรองดองเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ผมจึงคิดว่า เมื่อกระดุมเม็ดแรกกลัดผิดที่ กระดุมเม็ดต่อไปจึงไม่อยู่ในรางดุมอย่างถูกที่ถูกทาง ดังนั้นจะแก้ไขยังไงก็ลำบากครับ ทางเดียวที่ทำได้ คือต้องแกะกระดุมออกมาทั้งหมด แล้วกลัดเม็ดแรกให้เข้าไปในรูของมัน กระดุมเม็ดต่อไปก็จะเข้าที่เข้าทางเองแหละครับ
ดังนั้นในความคิดเห็นส่วนตัว กระดุมเม็ดแรกนั้นก็คือ รัฐธรรมนูญ ปี 50 ครับ ต้องรื้อกระดุมเม็ดนี้ออกก่อนครับ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระต่างๆที่มีอำนาจล้นฟ้า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม ส.ว.ลากตั้งที่เป็นรากเหง้าของพวกเผด็จการ เมื่อประชาธิปไตยเป็นที่เป็นทางแล้ว เรื่องอื่นๆก็ง่ายที่จะทำต่อไปครับ ดังนั้นเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงควรเป็นเรื่องเร่งด่วนในตอนนี้ครับ
และก็อย่าลืมนะครับ กลุ่มคนกลุ่มนี้ล้วนอาศัยประชาพิจารณ์มาอ้างความชอบธรรมให้กับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำก็คือการทำประชามติครับ ทำเพื่อสร้างความชอบธรรมในการแก้ไข แต่ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วย ก็เป็นเรื่องของประชาธิปไตยที่พวกเราต้องยอมรับ
เรื่องต่อมาที่เร่งด่วน ก็คือ เหล่าข้าราชการทั้งหลาย ถ้าเห็นว่าคนไหนเป็นอุปสรรคต่อการบริหาร ถอดได้ก็ถอด ย้ายได้ก็ย้าย ปรับเปลี่ยนได้ก็ปรับเปลี่ยน ถ้าเห็นว่าบุคคลเหล่านี้เป็นตัวถ่วงการพัฒนาประเทศ
มิฉะนั้นรัฐบาลจะแก้ไขเรื่องปากท้อง ก็ต้องมีคนค้าน รัฐบาลจะปรองดอง อีกฝ่ายก็ไม่ยอมปรองดองด้วย แถมคนกลุ่มนั้นยังต้องคอยสร้างปัญหา คอยทำลายสมาธิ ถ้ารัฐบาลต้องคอยมาตอบปัญหาจุกจิกกวนใจอยู่อย่างนี้ แล้วรัฐบาลจะมีเวลาคิดแก้ไขปัญหาของประชาชนได้อย่างไร จริงไหมครับ
นี่เป็นเพียงความคิดเห็นของผม ซึ่งอาจคิดถูกหรือผิดก็ได้ เพียงแต่ผมเกรงว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ดังนั้นจึงมีความต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงครับ ไม่อยากเป็นลูกแกะที่รอความเมตตา เพราะผมเชื่อว่า ความเมตตานั้นคงเกิดขึ้นยาก หลังจากเห็นการปราบปรามอย่างหนักในเดือน พ.ค. ดังนั้นผมจึงอยากเห็นรัฐบาลเปิดเกมส์รุกเสียบ้าง ในขณะที่ประชาชนยังสนับสนุนมากมายอยู่ อย่ารอเลยครับ และอย่ากลัวว่ารัฐบาลจะอายุสั้น เพราะถึงแม้อายุรัฐบาลจะสั้น แต่ถ้าสั้นเพราะเราได้สู้แล้ว ดีกว่าสั้นเพราะเราไม่ยอมสู้ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว เราจะตอบวีรชนที่ยอมเสียสละชีวิตเกือบร้อย บาดเจ็บอีกเกือบสองพันได้อย่างไรกันครับ
สุดท้ายที่ผมอยากบอก ถ้าเป็นการต่อสู้กันตามระบบ พวกเราไม่เคยแพ้อยู่แล้ว ที่เราแพ้ก็ล้วนแต่เป็นการพ่ายแพ้ต่ออำนาจนอกระบบเท่านั้นเอง แต่ถึงตอนนี้ ท่ามกลางกระแสคุณยิ่งลักษณ์ ท่ามกลางการจับจ้องของนานาชาติและท่ามกลางความหวังของประชาชนต่อรัฐบาลใหม่ ผมคิดว่า อำนาจนอกระบบจะทำอะไร คงต้องคิดเพิ่มอีกหลายเท่า ดังนั้นโอกาสที่จะใช้เผด็จการเต็มรูปแบบดังที่ผ่านมาคงจะยากอย่างแน่นอน ดังนั้นผมจึงอยากบอกว่า ควรจะเป็นเวลาของประชาธิปไตยได้เดินหน้าเสียที อย่ามัวพะวักพะวงอยู่เลยครับ
แต่ถ้ามีเหตุสุดวิสัยที่ทำให้เราต้องแพ้ ก็ขอให้แพ้บนเวทีเลือกตั้ง ดีกว่าต้องแพ้เพราะการรัฐประหารทางกฎหมายอย่างที่แล้วๆมา เพราะนั่นมีแต่ทำให้ประเทศไม่มีทางเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สักที เราคงไม่อยากเห็นวันนั้นกลับมาอีกครั้ง จริงไหมครับ
จากคุณ |
:
ทวดเอง
|
เขียนเมื่อ |
:
19 ส.ค. 54 09:46:06
A:183.89.164.108 X:
|
|
|
|