Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ขอถามอภิสิทธิ์ ผู้ไม่เคยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เลยซักคร้ง ติดต่อทีมงาน

''.....ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ จะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างไร เพราะเป็นเจ้ากระทรวงที่ไปของเข้าพบทูตญี่ปุ่น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้อง เป็นเรื่องที่ต้องมีการดำเนินการ ซึ่งตนได้ให้ฝ่ายกฏหมาย ของพรรคประชาธิปัตย์ ดูอยู่ ว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างไร โดยต้องดูในข้อเท็จจริงว่าเกี่ยวข้องกับใครบ้างแต่ในทางกฎหมายถ้ามีการไปดำเนินการก็ไม่เหมาะสม ส่วนจะเข้าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ตนเห็นว่าใครก็ตามที่เป็นเจ้าหน้าที่ และแทนที่จะเดินหน้าในการทำให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับไปช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้คนหลบหนีคดีก็มีความผิด ตนคิดว่า รัฐบาลต้องมีความชัดเจน ส่วนตามระเบียบ หรือ การตัดสินใจของญี่ปุ่น เราไม่ทราบว่าเขามีหลักเกณฑ์กติกา และวิธีปฏิบัติอย่างไร ในส่วนของฝ่ายเรา เป็นสิ่งที่จะต้องรับผิดชอบต่อประชาชน.....''

 

    ผมชอบในสิ่งที่ท่านพูด..ดังนั้นผมขอถามท่านในฐานะที่ท่านเคยเป็นนายกรัฐมนตรีครับ ขอถามในหัวข้อที่ท่านเคยถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบใช่หรือไม่...และถ้าใช่...ท่านจะต้องมีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบต่อประชาชน ด้วยหรือไม่..และอย่างไร..10 ข้อ..

 

1. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกษิต ภิรมย์  รมว.การต่างประเทศ ไม่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีที่บริษัท วอลเตอร์ บาว ประเทศเยอรมนี ซึ่งมีข้อพิพาทอนุญาโตตุลาการกับประเทศไทยได้ยื่นคำร้องต่อศาลสูงสุดกรุง เบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ให้มีคำสั่งอายัดชั่วคราวเครื่องบินโบอิ้ง 737 พระราชพาหนะซึ่งคดีนี้ถือว่าถึงที่สุดแล้วแต่ก็ยังไม่ดำเนินการใดๆ กระทั่งปัญหาบานปลายจนมีการอายัดเครื่องบิน เมื่อรัฐบาลไม่แก้ไขก็เป็นเรื่องคาราคาซังทั้งที่ปัญหาควรยุติไปนาน แล้วเพราะอนุญาโตตุลาการชี้ชัดแล้วว่าให้ชำระค่าทดแทนจึงเห็นได้ว่ารัฐบาล สามารถแก้ไขปัญหาได้แต่ไม่ยอมแก้

2. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่การปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีไม่

ปฏิบัติตามหมายจับของศาล ไปร่วมงานเลี้ยงของแม่นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม. และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่โดนหมายจับคดียักยอกทรัพย์ธนาคารมหานครมูลค่า 4,000 ล้านบาท เพราะตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า นางภคินี สุวรรณภักดี มารดาของนายอรรถวิชช์ ได้ถูกศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับที่ จ.2413/2549 วันที่ 25 ธันวาคม 2549 ข้อหายักยอกเงินธนาคารมหานครมูลค่าความเสียหายกว่า 4,000 ล้านบาท โดยนายอภิสิทธิ์เดินทางไปร่วมงานเลี้ยง ซึ่งถ่ายภาพร่วมกับนางภคินีที่เป็นเจ้าภาพเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2552 นั้น

                3.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลอยตัว เหนือปัญหา โยนภาระให้คนอื่นไม่กล้าแก้ปัญหาด้วยตนเองโดยการนั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน ในการกำกับและอำนวยการเพื่อสั่งการกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ให้ใช้กลไก และเครื่องมือต่างๆช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ที่ประสบอุทกภัยอย่างทันท่วงที เมื่อขาดผู้นำที่มีอำนาจสั่งการ การแก้ปัญหาจึงล่าช้าไม่ทันการ ต่างกับภาคประชาชน และสื่อมวลชนที่ทนเห็นรัฐบาลทำงานล่าช้าไม่ได้ จึงแสดงบทบาทในการช่วยเหลือ ได้ทันท่วงที โดยการบูรณาการ ระดมสิ่งของและเงินบริจาคจากทุกภาคส่วน และนำความช่วยเหลือไปสู่พี่น้องประชาชนเองได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งการที่นายอภิสิทธ์ไม่กล้าเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาด้วยตัวเองทั้งที่กฎหมายให้อำนาจเพราะ น่าจะกลัวความผิดพลาดต้องรับผิดชอบ นี่คือบทพิสูจน์ ภาวะผู้นำของนายอภิสิทธิ์ในภาวะวิกฤติของประชาชน นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี มีอำนาจ หน้าที่ ตาม พรบ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ตามมาตรา 31 ในกรณีที่เกิด “สาธารณภัยร้ายแรงอย่างยิ่ง” นายกรัฐมนตรี หรือ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายมีอำนาจสั่งการผู้บัญชาการ ผู้อำนวยการ หน่วยงานของรัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมตลอดทั้งให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน  ซึ่งที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ ไม่เคยสนใจงานนี้มาตั้งแต่ต้น โดยมอบหมายให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฝ่ายความมั่นคง ในขณะนั้น ดูแลเป็นประธานกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ แต่เมื่อนายสุเทพลาออกไป ลงสมัครเลือกตั้ง ซ่อม ส.ส. นายอภิสิทธิ์ จึงต้องปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 31 โดยเป็นผู้สั่งการ การแก้ปัญหาน้ำท่วม โดยต้องลงมาสั่งการผู้ บัญชาการ ตามกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งได้แก่ นายชวรัตน์ ชาญวีระกุล รมว. มหาดไทย แต่นายอภิสิทธิ์กลับไปแต่งตั้งนาย อภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าศูนย์ คชอ. และยังมอบหมายให้นายสาธิต วงศ์หนองเตย รมต. สำนักนายก เป็นประธาน ซึ่งบุคคลทั้งสองไม่ใช่บุคคลที่มีอำนาจตามกฎหมายข้างต้น เป็นการตั้งคนโดยผิดกฎหมาย ใช้คนผิดฝาผิดตัว และบุคคลดังกล่าวเป็น สมาชิกพรรค ปชป. และเป็นพวกเดียวกันกับนายอภิสิทธิ์ เหมือนลักษณะ น่าจะกลัวพรรคร่วม จะแย่งผลงาน แย่งงบประมาณ ซึ่งข้อเท็จจริงแทนที่นายอภิสิทธิ์ จะปฏิบัติตามกฎหมาย ให้เป็นไปตามมาตรา 31 ประกอบด้วย มาตรา 13 ของ พรบ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย “ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะนอกเหนือจากกฎหมาย การบริหารราชการแผ่นดินตามปกติ โดยเจตนารมณ์ เพื่อป้องกันและแก้ปัญหา สาธารณะภัยร้ายแรง ให้ได้รับการบูรณาการ เพื่อแก้ปัญหาของพี่น้อง

                4.  นายอภิสิทธิ์ ตามตำแหน่งหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้ทำ หนังสือกราบบังคมทูลต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสจะนำคณะนายพล ทหารจำนวน 758 นาย และนายพลตำรวจ 93 นาย ที่ได้รับพระราชทานยศสูง ขึ้น ประจำปี 2551 เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนเข้ารับ ปฏิบัติหน้าที่ ในวันที่ 19 พ.ค. 2552 เวลา 17.35 น. เมื่อถึงกำหนดเวลา พระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลง ณ อาคารอเนกประสงค์ วังไกล กังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ อันเป็นพระราชกรณียกิจ และพระราชอำนาจของ พระมหากษัตริย์ ในหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 3,10,11 และ มาตรา 193 ถึงนายอภิสิทธิ์ไม่ ไปร่วมงานพระราชทานยศทหารและตำรวจที่วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบ คีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ว่า นายอภิสิทธิ์ทำหนังสือกราบบังคมทูล ต่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่กลับไม่ไป มอบหมายให้นายสุเทพไปแทน นาย อภิสิทธิ์ไปปาฐกถาที่ตลาดหลักทรัพย์

                5.  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เรื่องสำเนาโทรเลขของนายอีริค จี จอห์น อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ซึ่งเว็บไซต์วิกิลีคส์ นำไปเผยแพร่มาเป็นหลักฐานนายกรัฐมนตรีให้เร่งดำเนินคดีกับบุคคลต่างๆ (พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ พลอากาศเอกสิทธิ เศวตศิลา นายอานันท์ ปันยารชุน) ที่เกี่ยวข้องกับนายอีรีค จี จอห์น เจ้าของโทรเลข แต่เวลาล่วงเลยมาพอสมควรก็ยังไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งที่ นายอภิสิทธิ์มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบและลักษณะความผิดนั้นเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ

                6.  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) 

                7.  นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ เกิดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2507 เลขประจำตัวบัตรประชาชน 3- 1009-01830-69-4 ซึ่งได้ลงบัญชีทหารกองเกินตามมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2529 ต่อมาในปี 2530 นายอภิสิทธิ์ มีชื่ออยู่ในบัญชีที่พ้นจากฐานะการยกเว้นผ่อนผันไม่ต้องเข้ารับการตรวจเลือกเป็นทหาร แขวงคลองตัน เขตพระโขนง อยู่ในลำดับ ที่ 299 เลขที่ สด 43 ลำดับที่ 675ต่อมาในปี 2531 ตามหลักฐานของกรมการกำลังสำรองทหารบก กลับไม่มีชื่อนายอภิสิทธิ์ปรากฏในบัญชีเรียกประจำปีนี้ และเมื่อตรวจสอบรายละเอียดตามข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่า ในบัญชีเรียกเข้ารับการตรวจเลือก ตั้งแต่ปี 2532 จนถึงปี 2536 ปรากฏชื่อนายอภิสิทธิ์ อยู่ในบัญชีคนขาดเข้ารับการตรวจเลือก ประจำแขวงคลองตัน ในลำดับที่ 148 ลำดับที่ 417 ลำดับที่ 685และ ลำดับที่ 641 ตามลำดับ ในขณะเดียวกันกับที่ เมื่อ ปี พ.ศ.2530 นายอภิสิทธิ์ ได้รับหมายเรียก หลังจากที่ได้แสดง ตนขอลงบัญชีทหารกองเกิน (เกินกำหนด) ณ สำนักงานเขตพระโขนง เมื่อวัน ที่ 4 กรกฎาคม 2529 แต่ได้มีการขอใบแทนใบสำคัญฉบับนี้เมื่อวัน ที่ 8 เมษายน 2531 โดยนายอภิสิทธิ์ไม่ยอมเข้ารับการตรวจเลือก เกณฑ์ทหารนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นอาจารย์ประจำโรงเรียนนายร้อย จปร.

8. นางพะเยาว์และนายณัทพัช ฮัคฮาด แม่และน้องของ น.ส.กมลเกด อัคฮาด 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม เข้ายื่นหนังสือกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี พนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีไม่ดำเนินการชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต 89 ศพ จากเหตุการณ์ชุมนุม นปช.ระหว่าง วันที่ 10 เมษายน-19 ว่ามีการปกปิดไม่ให้ทราบถึงสาเหตุและพฤติการณ์ที่ทำให้มีผู้เสีย ชีวิต ว่าใครเป็นผู้ทำให้ตายและด้วยวิธีใดาติ (พฤษภาคม 2553 โดยระบุป.ป.ช.) ผ่านทางนายอภินันทน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการ ป.ป.ช. ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้น

9.  อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่ 1 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้อำนวยศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. จำเลยที่ 2 และ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน จำเลยที่ 3 ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณี เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา จำเลยทั้ง 3 ร่วมกัน จัดทำแผ่นปลิวโฆษณาที่แสดงเครือข่ายที่มีพฤติกรรมล้มสถาบัน โดยระบุว่า โจทก์เป็นบุคคลหนึ่งในเครือข่ายขบวนการจาบจ้วงและต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยทั้ง 3 ซึ่งเป็นพนักงานตามกฎหมาย จึงเป็นการกระทำโดยเจตนาทุจริต ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ทำให้โจทก์ ได้รับความเสียหาย ซึ่งศาลได้รับพิจารณาคำฟ้องจากโจทก์แล้ว และจะดำเนินการพิจารณาต่อไป

         10.ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยระบุฟ้องสรุปว่า หลังจำเลยได้รับโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ใช้อำนาจกลั่นแกล้งโจทก์ทุกวิถีทาง เพื่อให้โจทก์พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากโจทก์ไม่ยอมสนองนโยบายตามความต้องการของจำเลย เช่น ปัญหาการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่แทนโจทก์ , ปัญหาการลอบฆ่านายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ พธม. , ปัญหาที่จำเลยต้องการแต่งตั้ง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. เป็นผบ.ตร. เพื่อให้มาคุมคดีลอบฆ่านายสนธิ และหวังผลในการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ทั้งยังสั่งให้โจทก์ลาพักร้อน 1 เดือน แต่โจทก์เห็นว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ จึงปฏิเสธ นอกจากนี้จำเลยยังได้กลั่นแกล้งโดยสั่งให้โจทก์เดินทางไปราชการที่ 3 จังหวัดภาคใต้ด้วย

                                                                                                                                  ด้วยความเคารพอย่างสูง

 

จากคุณ : พ่อน้องไม้
เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 54 10:52:22 A:58.97.63.64 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com