จากพื้นฐานของการ พิจารณาคดี โดยการลงนาม ในฐานะสามีที่อยู่ในตำแหน่ง นายกฯ ให้กับภรรยาเพื่อสามารถซื้อที่ดินรัชดาได้ตามกฎหมาย แต่เพราะผู้เป็นสามีมิสามารถแสดงหลักฐานยืนยันได้ว่า ไม่มีส่วนได้เสียโดยการนำสิทธิอำนาจ ในฐานะนายกฯ เข้ามาพัวพัน อันถือเป็นการปฎิบัติผิดหน้าที่ จึงให้มีการลงอาญา จำคุก ๒ ปี อันเป็นการตัดสินในขณะที่ จำเลย มิได้พำนักอยู่ในประเทศ หรือรับฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง อีกด้วย
จากความสำนึก ในด้านการพิจารณาคดี ของศาลตามหลักวิธีพิจารณาคดีในประเทศสากล จะมีข้อวินิจฉัยรูปคดี ในกรณี การกระทำถูกต้องตามนิติกฎหมายหนึ่ง ที่บังเอิญไปขัดต่ออีกกฎหมายหนึ่ง เป็นลักษณะวิกฤติจำยอม ที่ไม่สามารถชี้ชัดถึง เจตนารมณ์ ที่เป็นการจงใจละเมิดกฎหมายได้ ตามลักษณะเปรียบเทียบ กับกฏหมายอาญา ม. ๗๐ การลงนามอนุญาตในฐานะสามีเพื่อให้สามารถซื้อที่ดินรัชดาได้ เป็นเสมือนการปฎิบัติตามคำสั่งของ จนท. ในการซื้อขายที่ดิน อันเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นสาเหตุให้มีการกระทำ ของผู้กระทำ (ในฐานะสามี) ตามหน้าที่และเชื่อโดยสุจริตว่า เป็นสิ่งที่ต้องปฎิบัติตาม (เลี่ยงไม่ได้) เพื่อรักษาสิทธิอันชอบธรรมในการซื้อขายของภรรยา ฉนั้นถึงแม้ว่าตัวสามีเอง ที่มีตำแหน่งหน้าที่เป็นนายกฯ อาจตั้งข้อสงสัยถึงการมีส่วนได้เสีย หรือเป็นความผิดในหน้าที่ ในฐานะนายกฯ ก็ตาม จะไม่ถือว่า การลงนามอันนี้ จะเป็นการกระทำผิดที่ต้องรับโทษตามกฎหมาย (หรือไม่มีช่องว่างสำหรับให้อยู่ในความวินิจฉัยเชื่อถือของศาลนั่นเอง)
ในเมื่อเป็นกรณีที่เกิดมีการพิจารณาตัดสินลงโทษ ก็เป็นธรรมดาที่นักกฎหมายในโลกสากล ไม่สามารถยอมรับว่า เป็นคำพิจารณาโทษในคดีอาญา แต่จะมองว่าเป็น คดีนอกระบบ (คดีการเมือง) อันก็เป็นผลให้ ฝ่าย จนท.ตำรวจสากล (อินเตอร์โพล์) มิสามารถออกหมายสั่งจับกุม ในประเทศภาคีได้ นั่นเอง ในเมื่อเป็นคดีนอกระบบ (คดีการเมือง) ทำให้การประสานงานในระดับบังคับคดี (ตามจับ) ก็จะเป็นไปในระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (การฑูต) โดยหลายประเทศ รวมทั้ง ญี่ปุ่น ประกาศงดอนุญาตการเดินทางเข้าเมือง แทนการจับส่งนักโทษระหว่างประเทศ
ฉนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง รบ. ในประเทศไทย ที่ก็มีการเปลื่ยนแปลงสภาพความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไปในตัว อันก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีการ ให้วิซ่าต่อ อดีตนายกฯ อย่างการแถลงการณ์ ของญี่ปุ่นในกรณีให้วีซ่าตามคำร้องของ รบ.ไทย เป็นการความสัมพันธ์ทางการฑูต (การเมือง) ระหว่าง รบ.ญี่ปุ่น กับ รบ.ไทย โดยไม่สามารถตีความว่าเป็นการกระทำที่เป็นความจริง อย่างเช่นการลงสนธิสัญญาซึ่งกันและกัน ที่จะมีบันทึกเป็นข้อความชัดเจน แต่เป็นการกระทำโดยการมองทราบเจตนารมณ์ (ภาษาฑูต) เท่านั้น เพียงแต่ รมต.ต่างประเทศ ที่ยังไม่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่อย่างสมบูรณ์ตาม รธน. เข้าพบ จนท.ฑูตญี่ปุ่น และสนทนาถึงนโยบายของ รบ.ยิ่งลักษณ์ ถึงการไม่มีนโยบายกับ อดีตนายกฯ ในคดีนอกระบบ (คดีการเมือง) เช่นเดียวกับที่ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็ได้แถลงไว้
อันก็เป็นเหตุที่ทำให้ รบ.ญี่ปุ่น สามารถมองเจตนารมณ์ ของการไม่คัดค้านการให้วีซ่า กับอดีตนายกฯ ทักษิน ของ รบ.ยิ่งลักษณ์ แต่เพราะความจำเป็นในการให้ความเคารพกับ การพิจารณาตัดสินของศาลไทย เป็นเหตุให้การให้วิซ่า เป็นกรณีพิเศษเฉพาะหน้าโดยให้ รบ.ยิ่งลักษณ์ จะกระทำให้ถูกต้องได้หลังจากที่ได้เข้ารับตำแหน่งหน้าที่อย่างสมบูรณ์ต่อไปนั่นเอง การแถลงการของ รบ.ญี่ปุ่น ถ้าเป็นไปตามหลักการฑูตระหว่างประเทศ (ทางการ) ก็เป็นการระเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และของประเทศญี่ปุ่น โดยยอมรับคำขอร้องผ่านสถานฑูตของญี่ปุ่น เพราะ ตัว รมต.ต่างประเทศ ในขณะเข้าพบ ยังมิใช่ตัวแทนประเทศไทย (รมต.ต่างประเทศ) โดยสมบูรณ์ และก็ไม่มีบันทึก หรือสนธิสัญญาเป็นทางการ นั่นเอง ฉนั้นทั้งในประเทศญี่ปุ่น และประเทศสากลจึงมีความฉงนใจกับ การกระทำของพรรคฝ่ายค้าน ที่เคยเป็น รบ. และมี รมต.ต่างประเทศ ที่จะเอาผิด ต่อ รมต.ต่างประเทศ ของ รบ.ยิ่งลักษณ์
ส่วนในกรณี คดีความของ อดีตนายกฯ ทักษิน ที่ถูกพิพากษาจำคุก ๒ ปีและอยู่ในสภาวะหลบหนีอาญา อย่างช้าที่สุดในเมื่อ การซื้อขายที่ดินรัชดาโดยคำพิพากษาของศาลแพ่งให้ การซื้อขายเป็นโมฆะ ไปแล้ว และจากการยืนยันของ รบ.อภิสิทธิ์ ถึงการเป็น กรณีคดีอาญา ไม่ใช่คดีนอกระบบ (คดีการเมือง) ตามที่ จนท.ตำรวจสากล ฯลฯ เข้าใจ หน้าที่ของ รบ.อภิสิทธิ์ ก็คือการขอให้ กระบวนการยุติธรรม (ศาล) ตรวจสอบคดีตามข้อมูลใหม่ (การซื้อขายที่เป็นโมฆะ) จะด้วยเหตุผลใดที่ทำให้คำพิจารณาลงโทษไม่เปลื่ยนแปลงไปจากเดิม อันเพื่อนำไปเป็นหลักฐานการยื่นขอให้มีการบังคับคดี โดยการ หมายจับขังสากลกับ อดีตนายกฯ การล๊ะการปฎิบัติ เป็นกรณีที่ รบ.อภิสิทธิ์ มีการกระทำผิดในหน้าที่ โดยล๊ะการกระทำ นั่นเอง ในขณะเดียวกันจากการล๊ะการกระทำ ก็มีผลให้พิสูจน์ได้ว่า คดีอดีตนายกฯ ทักษิน ก็คือ คดีนอกระบบ (คดีการเมือง) นี่เอง
ในกรณีที่ เป็นคดีนอกระบบ (คดีการเมือง) ไม่เพียงแต่ การบังคับคดีอยู่นอกสิทธิอำนาจของ จนท.ตำรวจสากลเท่านั้น ยังจะไม่สามารถให้มีการบังคับคดี ตามระบบคดีอาญาในประเทศที่ไม่มีกฎหมายอาญา และกระบวนการยุติธรรมไทย ได้อีกด้วย สมมุติว่า รมต.ต่างประเทศ ยื่นขอให้มีการจับกุม อดีตนายกฯ ทักษิน ในประเทศญี่ปุ่น เพื่อการบังคับคดีโดย จนท.ตำรวจ ญี่ปุ่น (จับส่งนกโทษข้ามประเทศ) รบ.ญี่ปุ่น มีความจำเป็นที่ต้องอาศัยอำนาจรับรองจากศาลอาญาของญี่ปุ่น หรือตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่ในกรณี คดีนอกระบบ (คดีการเมือง) ไม่เป็นกรณีวินิจฉัยของศาลอาญา หรือตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ของญี่ปุ่น อันทำให้เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้โดยปริยาย ทั้งๆ ที่ กรณี วิคเตอร์บูท ในประเทศไทยสามารถบังเกิดขึ้นได้ก็ตาม
อาจเป็นไปได้ว่า ในประเทศไทยสามารถใช้กระบวนการยุติธรรม เอาผิด หรืออำนาจรัฐสภาถอดถอน รมต.ต่างประเทศ ของ รบ.ยิ่งลักษณ์ ได้สำเร็จ แต่ก็จะเป็นอีกกรณีหนึ่งที่ ในประเทศสากลจะไม่สามารถยอมรับ ว่าประเทศไทย มีสังคมประชาธิปไตย และมีกระบวนการยุติธรรมที่ปราศจาก คดีนอกระบบ (คดีการเมือง) อย่างแน่นอน ส่วน ปชช. รวมทั้งนักวิชาการทั้งหลาย และ รบ.ยิ่งลักษณ์ ที่ให้ความยินยอมให้เป็นไป โดยไม่มีการแก้ใข หรือปรับปรุง ก็จะตกเป็นที่ยอมรับของสากลประเทศทั้งหลาย ที่จะตัดสินใจให้ความสำคัญและความสัมพันธ์ (การฑูต) ต่อประเทศไทย ในอนาคตอย่างไร นั่นเอง
แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 54 04:10:12
การปฎิบัติหน้าที่ หรือล่ะเว้น ของ รบ.อภิสิทธิ์ กรณี อดีตนายก ทักษิน
