ส่วนในกรณีพิพาท ที่ปรากฏอยู่ในสังคม ก็มีเนื้อหาอย่างที่คุณ ก็ได้เขียนในกระทู้เอาไว้ อนจะเป็นการวิจัยหรืออภิปราย ของการขุดคอคอดกะ ระหว่างผลที่จะได้ อันมาจากทำเลท่าเรือเพื่อถ่ายส่งสินค้า ที่มาจากการเปลี่ยนเมืองท่าของสิงค์โปร มาอยู่ในพื้นที่ของประเทศไทย (ผลได้) และการทำให้เกิดการตัดแยกพื้นที่ของประเทศ โดยอาจถูกกลุ่มสามจังหวัดภาคใต้ ใช้เป็นโอกาสยึดครองและตั้งตัวแยกเป็นรฐอิสสระจากประเทศไทยออกไปได้ (ผลเสีย) ในขณะเดียวกัน โครงการขุดคอคอดกะ เป็นโครงการที่ต้องอาศัยเงินทุนจำนวนมหาศาล โดยในแต่ละสมัยที่ผ่านมาจำเป็นต้องพึ่งพากับการลงทุนของประเทศมหาอำนาจ ที่จะมีผลให้กิจการธุรกิจ และการเมืองที่เกิดขึ้นอยู่ในอำนาจครอบคุมของเขาโดยปริยาย (ตัวอย่างคลองปานามา) ที่จากความมั่นคงและเสรีภาพของประเทศเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ นั่นเองครับ

การที่มีการนำกรณี คอคอดกะ ออกมาอภิปรายในสาธารณะชน ตามข้อสังเกตุคือไม่เคยมีความต้องการ ที่จะให้บังเกิดเป็นโครงการขึ้นมาจริง แต่จะเป็นผลโดยตรง กับการคำนวนถึงการสูญเสียผลประโยชน์ ของสิงคโปร์ อันทำให้เกิดมีข้อต่อรอง กับ ฝ่ายไทย อย่างสมมุติว่า ถ้าสิงค์โปรสามารถทำให้ ฝ่ายไทยบางกลุ่มสามารถมีฐานะข้ามคืนขึ้นได้ และลดการสนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อมกับกลุ่มเคลื่อนใหว สามภาคใต้ ให้มีการปฎิบัติการเกินขอบข่าย การก่อความไม่สงบ ก็จะมีผลให้ระงับการอภิปรายในสังคม และวินิจฉัย โครงการ ของ รบ. ออกไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง (ช่วงระยะการเป็น รบ.) อันก็น่าจะเป็นเหตุผล ถึงความเป็นไปของโครงการขุดคอคอดกะ ที่มีลักษณะผุดโผล่มาจนถึงปัจจุบัน ครับ

จากการวิจัยไม่เป็นทางการ (ไม่มีผู้ว่าจ้าง) ของกลุ่ม กรืนพืซ ในกรณี เส้นทางการเดินเรือขนส่งตามเส้นทาง คอคอด ต่างๆ โดยคำนวนจาก จำนวนเรือข้ามผ่าน ที่ใช้เครื่องยนตร์ดีเซล์ เป็นหลัก กับผลเสียหายกบ ชีวชาติใต้ทะเล รวมทั้งพื้นที่ฝั่งใกล้เคียง ถึงผลได้ผลเสียกับพื้นที่เป็นสำคัญ ในกรณีคอคอดกะ หมายถึงว่า จำนวนการขนส่งทางเรือที่ผ่านช่องมาละกา ในปัจจุบัน รวมทั้งจำนวนเติบโต จะย้ายมาใช้ทางผ่านที่ คอคอดกะ อาจเป็นไปได้ในช่วงระยะสั้น และระยะกลางจะเป็นผลประโยชน์กับประเทศไทย แต่ในระยะยาว คือการสูญเสียแหล่งผลิตชีวชาติทางทะเลในอ่าวไทย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะเดียวกัน สภาพของอ่าวไทย ที่เป็นเสมือนอ่างเก็บน้ำที่มีการระบาย ต่ำกว่าสภาพน้ำใหลผ่านของ ช่องสุมาตรา ผลการกักขังสิ่งโสโครกต่างๆ ไม่สามารถถ่ายทอดได้สมดุลย์กับการบังเกิด อันก็จะมีผลกระทบกับชายฝั่งทะเล ตลอดอ่าวไทยทั้งหมด อันเพิ่มจากการขุดน้ำมน และการเดินทางขนส่งทางเรือเข้ากรุงเทพ รวมทั้งการฝึกซ้อมรบในอ่าวไทย ในขณะนี้ หลายเท่าครับ

จากข้อมูลอันนี้ ที่ทางสิงค์โปร์ก็ได้สำรวจ รับทราบจึงเป็นผลให้ความเอือบเอื้อตามลักษณะที่ผ่านมา เลื่อนลางลงไป อันก็เป็นเหตุให้ กลุ่มที่ขาดผลประโยชน์ลงไป พยายามเอาโครงการ ขุดคอคอดกะ ออกมาอภิปรายในสังคมอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ อาจมีการดำเนินการอย่างแท้จริง โดยหาข้อโอบอำนวยที่มาจากธุรกิจจากโครงการ มาชดเชยจากที่ได้จากสิงค์โปร์ อันก็น่าจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้

ส่วนความเป็นจริงแล้ว ไม่มีเหตุผลสมควรใดๆ ที่ประเทศไทยจะเอาความสูญเสีย ชีวชาติและทรัพยากรของอ่าวไทย ไปแรกกับ ความโลภของกลุ่มคนที่หวังได้ จากธุรกิจคอคอดกะ ครับ