Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ "คนรากหญ้า ไม่ควรมีสิทธิ์ได้ออกเสียงเลือกตั้ง" ติดต่อทีมงาน

จรัสพงษ์ สุรัสวดี :: บทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ทอลค์โชว์ 

> 1. เหตุผลของพี่ตู้ในการจัดทอล์คโชว์ครั้งนี้คืออย่างไรครับ ? 

> เพราะพี่อิจฉารากหญ้าครับ 
> การที่อนุญาตให้คนที่ไม่เรียนมีสิทธิเท่าเทียมคนที่เรียน เป็นกติกาสากลสำหรับ 
> ประเทศที่ระดับการศึกษาเฉลี่ยสูงถึงขั้นปลอดภัยแล้ว 
> การเลือกตั้งของเค้าจึงเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานได้ 
> ซึ่งไม่ถูกต้องสำหรับประเทศที่การศึกษาเฉลี่ยต่ำครับ 
> เพราะจริงๆ แล้วสิทธิขั้นพื้นฐานเดิมนั้นกำหนดเฉพาะเรื่องพื้นฐาน เช่น 
> การนับถือศาสนา การสาธารณะสุข การแสดงความคิด การสมรส 
> สวัสดิภาพในการดำรงชีวิต ฯลฯ รวมไปถึง การศึกษา 
> แต่ไม่รวมการเลือกตั้งเข้าไปในสิทธิขั้นพื้นฐานครับ 
> อันตรายต่อความอยู่รอดของบางเผ่าพันธุ์ในทันที 
> แต่เผ่าพันธุ์นั้นๆ จะไม่ค่อยรู้ 
> เพราะดันไปสงสารเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ที่ควรกำจัดเพราะเป็นภาระ 
> เราไม่ได้เกรงใจภาระเพราะเราใจดีนะครับ 
> เราเกรงใจภาระเพราะเราขี้ขลาด เราเกรงกลัวพวกภาระครับ 
> ภาระจึงได้ใจ ครอบครองเมืองโดยไม่ยอมพัฒนาพวกตน 
> พี่อิจฉามันครับ 

> เมื่อการศึกษาคือสิทธิขั้นพื้นฐาน 
> ใครไม่ยอมเรียนก็ต้องถือว่าผู้นั้นละเลยสิทธิขั้นพื้นฐาน 
> ก็แปลว่าบกพร่องในหน้าที่ซึ่งโยงกับบางสิทธิ 
> ผู้บกพร่องในหน้าที่ก็ควรถูกเพิกถอนบางสิทธิที่เกี่ยวข้อง เช่น 
> สิทธิในการตัดสินใจเรื่องอนาคตของประเทศชาติ 
> เพราะเราจำเป็นต้องกำหนดที่การศึกษาครับ 
> ไม่ใช่กำหนดที่อายุเหมือนประเทศพัฒนา ตายซิ่ 
> ระดับการศึกษาเฉลี่ยของเราต่ำกว่ามาตรฐานประเทศประชาธิปไตยในโลกครับ 
> ไม่ต้องอาย ต่ำกว่ามากเลยจริงๆ ต้องยอมรับ 
> ต้องแก้กติกาครับ ไม่งั้นตาย หลายศพแล้วด้วย 
> และจะมีอีกครับถ้าไม่รีบแก้กติกา อย่าอาย 
> เพื่อนร่วมชาติเราโง่ครับ ยอมรับซะจะได้แก้กติกากัน 

> ทำไมเราจึงไม่ให้ลิงบาบูนอายุ 18 ขวบมีสิทธิ์เลือกตั้งล่ะครับ 
> เพราะบาบูนไม่เรียนหนังสือ ไม่ใช่เพราะบาบูนไม่ใช่คนนะครับ 
> บาบูนเหนือกว่าบางคนด้วยซ้ำ บาบูนหากินเองได้ ไม่ต้องรอเอื้ออาทร 
> ไม่ต้องรอผ้าห่มทุกปี 
> ก็ถ้าบาบูนเรียนหนังสือสอบผ่าน ม.6 ก็แปลว่าพูดกับคนรู้เรื่อง 
> เราก็ควรให้สิทธิ์เลือกตั้งกับบาบูนครับ 
> แต่นี่มีโง่กว่าบาบูนอีกนะ พูดก็ไม่รู้เรื่อง สะกดประชาธิปไตยก็ไม่ถูก 
> ทำมาหากินก็ไม่ได้ ผ้าห่มก็หาเองไม่ได้ต้องแจกทุกปี 
> แต่ดันมีสิทธิ์เลือกตั้ง อย่างงี้บาบูนค้อนครับ 

> ถ้ากุลีมีสิทธิเท่าบัณฑิต บัณฑิตจะลงทุนเรียนกันไปทำไมไม่ทราบครับ 
> ประชาธิปไตยมันว่าด้วยเรื่องเสียงข้างมาก 
> ฉะนั้น ประเทศไหนที่เสียงข้างมากไม่มีการศึกษา ประเทศก็ล่ม 
> เพราะกุ๊ยซื้อกุ๊ยและกุ๊ยเลือกกุ๊ยแน่นอนครับ 
> พวกคอมมิวนิสนิยมก็สัพหยอกว่าพี่ตู้เป็น อำมาตยาธิปไตย 
> แต่พี่เต็มใจเป็น อำมาตยาธิปไตย มากกว่า กุ๊ยยาธิปไตย นะจะบอกให้ 
> แต่เดี๋ยวนะครับ อำมาตยาธิปไตยมันไม่ดีตรงไหนหรือครับ 
> เทียบกับรัฐบาลรากหญ้าธิปไตยทุกวันนี้ 

> มีคนเข้าใจสิ่งที่เข้าใจยากแบบนี้อยู่หยิบมือนึงบนแผ่นดินนี้ 
> พี่ต้องทอล์คโชว์เพราะพี่ต้องการพูดคุยกับท่านเหล่านี้บ่อยๆ ครับ 
> อาจไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงวันนี้ แต่พรุ่งนี้จะไม่มืดมน 
> เพราะคนเหล่านี้จะเห็นทางออกไงครับ ถ้าไม่อวดเก่งกันนะ 
> พรุ่งนี้หมายถึงวันรุ่งขึ้น ไม่ใช่ปีรุ่งขึ้นนะ 
> เพราะทันทีที่รู้ทางออกก็บอกต่อกันแบบแอมเวย์ 
> แป๊บเดียวก็เข้าใจกันหมดแล้ว ซัก 2 วันมั้ง 
> เพราะคนที่ฟังรู้เรื่องมีไม่ถึง 1 % ของประเทศ 
> ที่เหลือไม่ใช่โง่ แต่ไม่ฟังครับ ซึ่งก็ไม่ได้แปลว่าอวดดี เพียงแต่โง่ 

> การเปลี่ยนแปลงแผ่นดินต้องทำให้เด็ดขาดครับ 
> ไม่ใช่ไล่ไปแล้วเลือกตั้งใหม่เพื่อให้พวกมันกลับมายิ่งใหญ่อีก 
> มันตลกและดูไม่เด็ดขาดไม่จริงใจนะครับ ซึ่งพี่ก็สรรเสริญ 
> ทุกการต่อสู้ของพันธมิตร เพราะชอบพอกันเป็นการส่วนตัวมาก 
> แต่พี่ไม่ไปวิ่งชนกระสุนเพื่อให้รากหญ้าเลือกพวกมันกลับมาอีก 
> คุณพ่อพี่สอนว่า อย่าให้คนไม่ดีมีโอกาสปกครองบ้านเมือง 
> เพราะฉะนั้น การขับไล่ ต้องตามด้วย การกำจัด 
> ซึ่งในอารยะประเทศเค้าใช้วิธีฆ่าทิ้งแบบเนียนๆ 
> แล้วแจงว่า ตายด้วยฝีมือคนวิกลจริต ซึ่งเรื่องก็เงียบ 
> แต่ในอนารยะประเทศซึ่งขี้ขลาด ก็ใช้วิธีนุ่มนวล 
> ซึ่งก็ตกเป็นเบี้ยล่างและสูญเสียเปล่า 
> เพราะกลับมาเหมือนเดิมทุกอย่างหลังทุกการต่อสู้ 
> พี่หงุดหงิดทุกครั้งเพราะวีรบุรุษของพี่เหนื่อยเปล่าทุกครั้ง 
> เพราะไม่แก้ที่ระบอบไงครับ 

> การเป็นวีรชนด้วยอารมณ์มักไม่แก้ปัญหาครับ ต้องแก้ปัญหาด้วยเหตุผล 
> ซึ่งต้องแก้ที่ต้นเหตุ คือ การโกงกิน การแตกแยก และ สิทธิที่ไม่ควรเป็นขั้นพื้นฐาน 
> ซึ่งพี่จะได้กล่าวรวมไว้ในช่วงท้าย ขยักเอาไว้ก่อนให้หงุดหงิดเล่นซะงั้น 
> เป็นการคัดคนอ่านไงครับ 

> ท่านใดที่อ่านถึงตรงนี้แล้วงง อย่าอ่านต่อนะครับเสียเวลาท่านเปล่าๆ ครับ 
> ท่านก็ตั้งหน้าตั้งตาเลือกคนดีต่อไปนะ 

> 2. ชื่อของทอล์คโชว์ 'กรุงไม่แตก ก็เลี้ยงไม่โต' ต้องการจะบอกอะไรครับ 
> เหมือน'ไม่เจ็บ ก็ไม่โต' อย่างนั้นหรือเปล่าครับ ? 

> จะแปลอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่วลีที่ว่า ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต หมายถึง พิการ นะครับ
> สังคมไทยพิการเพราะเราคิดว่าเราทำได้อย่างซีกโลกหนาวครับ 
> ลอกทุกอย่างของเค้ามา รวมทั้งระบอบการปกครอง 
> โดยลืมคิดไปว่าไม่มีนวัตกรรมของเราที่เค้าซื้อไปใช้เลย 
> มีแต่นวัตกรรมของเค้าที่เราซื้อมาใช้ 
> เพราะเราไม่มีนวัตกรรมไงครับ 
> สิ่งของเครื่องใช้ในการอำนวยความสะดวกของชีวิตประจำวันประดิษฐ์คิดค้นโดย
> คนซีกโลกหนาวแทบทั้งหมด 
> เพราะเราไม่กล้าคิด เรากลัวคนที่คิดไม่ออกจะทักท้วงเรา 
> เพราะคนที่คิดไม่ออกรู้ดีว่าถ้าทักท้วงแล้วจะดูเหมือนชนะในสายตาคนรอบๆ 
> ซึ่งก็คิดตื้นแบบเดียวกัน 
> จึงไม่มีกระบวนการคิดเกิดขึ้นในแถบซีกโลกร้อนที่ช่างทักท้วงครับ 


> มหาบุรุษอย่าง เจ้าชายสิทธัตถะ และ มหาตมะคานธี เท่านั้นครับ 
> ที่ฝ่าวงล้อมของนักทักท้วงได้สำเร็จ ด้วยจิตที่มั่นคง 
> การทักท้วงโดยที่คิดเองก็ไม่ออกเป็นวัฒนธรรมซีกโลกร้อนทีอยู่ในสันดาน 
> แก้ไม่ได้ครับ ทำให้เป็นประชาธิปไตยอย่างซีกโลกหนาวไม่ได้สักประเทศเดียว 
> แต่ก็อยากจะเป็นประชาธิปไตยเพราะหลงตนกันครับ 
> เหมือนการย้อมสีผมแล้วเป็นฝรั่ง 

> สังคมที่พิการเกิดจาก การแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ ไม่นิยมเหตุผล 
> แต่พี่เห็นพันธมิตรใช้เหตุผลแล้วก็ไม่ได้ผลนะครับ 
> เพราะต่อให้ใช้เหตุผลรัฐบาลหน้าด้านก็ไม่ลาออกครับ 
> เพราะรากหญ้าเลือกเค้ามาด้วยเสียงที่มากกว่าบัณฑิต 
> ซึ่งเราก็เถียงระบอบไม่ได้ เพราะบัณฑิต 14 ตุลาเอาอำนาจ 
> การตัดสินใจในเรื่องบ้านเมืองไปยัดให้รากหญ้า 
> ซึงพวกเค้าไม่อยากได้ และ เล่นไม่ถนัด 

> แต่พี่ว่าพวกเค้าเล่นถูกแล้วนะ 
> เพราะเค้าเลือกคนที่ให้เงินเค้า เพื่อตอบแทนบุญคุณ 
> ซึ่งเป็นการกระทำที่ถูกต้องในสายตาพวกเค้าเอง คือ การมีกตเวทิตาครับ 
> รากหญ้าหัวเราะเยาะพวกเราที่แห่กันไปเลือกพรรคนั้นพรรคนี้โดย 
> ไม่ได้อะไรตอบแทนเลย พวกเราก็ดูโง่ในสายตาพวกเค้านะครับ 

> การโกงกินไม่ใช่สิ่งที่ผิดในสายตารากหญ้าครับ 
> เพราะรอบหมู่บ้านเค้ามีแต่การโกงกินโดยผู้มีอำนาจมีฐานะ 
> และมีคนยกย่องด้วยเพราะรวยนี่ เป็นที่พึ่งของทั้งหมู่บ้าน กลายเป็นเทพไปเลย 
> แม้จะโกงมาก็ไม่ว่าเพราะทุกคนที่นั่นโกงแล้วได้ดีทั้งนั้น 
> ทุกห้องแถวทั้งในกรุงและบ้านนอกก็ทำอาชีพซื้อถูกมาขายแพงโดยไม่เสียภาษีทั้งสิ้น 
> ก็คือการโกงดีๆ นี่เอง ไม่เห็นตำรวจจับนี่ 
> เราเรียกร้องให้อุดหนุนร้านโชห่วยที่ไม่เสียภาษี 
> และขับไล่ แมคโคร โลตัส คาฟู ที่เสียภาษี 
> ทั้งๆ ที่ร้านโชห่วยก็เป็นของคนต่างด้าวเหมือนกัน บางร้านไม่พูดไทยด้วยซ้ำ 
> เราเห็นว่าผิดแต่รากหญ้าเห็นว่าไม่ผิด 
> เพราะเราดันยอมให้พวกที่คิดไม่เหมือนพวกเรามีสิทธิเลือกคนมาปกครองเราไงครับ 
> เราต่างหากครับที่เป็นฝ่ายที่ทำผิดมาตลอด 
> เรื่องอย่างนี้คนที่คิดได้เท่านั้นที่จะรู้ 
> บางคนคิดไม่ได้ครับ คิดแล้วปวดหัวสลบเหมือดคาหลัง:-) 

> ความไม่กล้าคิดทำให้ทุกสังคมพิการครับ 
> สังคมที่พิการจะล่มแล้วล่มอีก ลุกกลับขึ้นมาได้ก็ป้อแป้ เดี๋ยวก็ล่มอีก 
> โยนกก็ล่ม เชียงแสนก็ล่ม ล้านนาก็ล่ม ทวาราวดีก็ล่ม ศรีวิชัยก็ล่ม หริภุญชัยก็ล่ม 
> สุโขทัยก็ล่ม อยุธยาก็ล่ม ธนบุรีก็ล่ม 
> นี่ยังไม่รวม อ้ายลาว น่านจ้าว นะครับ 
> เพราะนักวิชาการหลัง 14 ตุลาบอกว่า ไทยไม่ได้มาจาก อ้ายลาว น่านจ้าว 
> เนื่องจากไม่ต้องการให้คนไทยคิดว่าเราโดนจีนรุกราน 
> เพราะพวกเค้ากำลังจะเอาลูกจีนเข้าสภาปกครองคนไทย 
> เราจึงเคยมีประธานสภาที่พูดไทยไม่ชัดมากันแล้ว 
> หัวหน้าพรรคก็มาจากแซ่แทบทั้งนั้น 
> พวกเขามาจากไหน ใยจึงมาปรารถนาดีต่อแผ่นดินที่ไม่ใช่ของบรรพบุรุษตน 
> ช่างประหลาดเหลือล้ำ แวะมาปรารถนาดีต่อแผ่นดิน 4 ปีก็ดันมีคนลงคะแนนให้
> เรียกว่า พิการหมู่ ครับ 

> ถึงเวลาต้องคิดระบอบใหม่กันแล้วครับ 
> ถ้าไม่อยากให้อาณาจักรรัตนโกสินทร์ล่มอีก 
> ถ้าคิดไม่ออกจงรู้จักฟังนะครับ ฟังแล้วก็ไม่ต้องคิดด้วยครับ 
> เพราะเค้าคิดมาแล้วจะมาคิดทับอีกทำไม 
> ช่วยกันคิดของใหม่ซิ่ครับ มาคิดทับกันอยู่นั่น 
> คนไทยถนัดนักเรื่องคิดทับคนอื่น 
> ฝรั่งเรียก ขโมยซีน ไทยเรียกว่า ไทยมุง หรือ รุมสกรัม 
> หรือ หมาหมู่ นั่นเองครับ 




> 3. พี่ตู้คาดการณ์ว่า บ้านเมืองของเราจะก้าวไปถึงจุดที่เรียกว่า 'กรุงแตก' หรือเปล่า เพราะอะไร 
> ครับ ? 

> เราแตกโดยพฤตินัยแล้วครับ 
> ถ้ารอต่อไปโดยไม่ทำระบอบใหม่ เราจะแตกโดยนิตินัยครับ 
> ก็จะเหมือน เขมรสามฝ่าย ลาวห้าฝาย เวียตนามเหนือใต้ เกาหลีเหนือใต้ 
> ซึ่งตอนนี้เราก็มีไทยเหนือใต้แล้วนี่ใช่มั้ย 

> วันนี้ไทยแตกเป็นจีนสองฝ่ายตีกันบนแผ่นดินไทย 
> ลูกจีนทั้งนั้นครับที่แสดงออกกัน 
> ตั้งแต่ 14 ตุลาแล้วครับที่มีคำว่ากุมารจีน 
> กุมารไทยนอนครับ เพราะรับราชการกลัวอำนาจรัฐ 
> ลับหลังก็นินทาคนโกงแต่ต่อหน้าก็เดินตามตูด 
> คนไทยแท้:-)ครับ 
> สมเด็จพระนเรศวรทรงตรัสไว้ว่า 
> พวกเจ้าคนไทยเปรียบเหมือนหญ้าที่ต้องคอยตัดเล็ม 
> เมื่อปล่อยให้โตโดยอิสระจะหาระเบียบใดมิได้ 
> เราจะเอาทองคำโปรยบนทางเดิน 
> ผู้ใดจ้องมองด้วยดวงตากิเลส เราจะให้ทหารเอาธนูยิงลูกนัยน์ตา 

> อยุธยาช่วงนั้น สงบสุข น่าอยู่ 
> เพราะไม่ทรงอนุญาตให้ไพร่ที่ต่ำช้าแสดงออกครับ 
> มาวันนี้ที่ประชาธิปไตยเบ่งบานทะโล่ จัณฑาลก็บังอาจแสดงออกได้ 
> และ ซื้ออำนาจเข้ามาปกครองบัณฑิต ซึ่งไร้น้ำยาเพราะพวกน้อยกว่า 
> ประเทศที่คนมีการศึกษามีจำนวนน้อยกว่าคนที่ไม่มีการศึกษา 
> จะยังเป็นประชาธิปไตยไม่ได้ครับ 
> เพราะเสียงส่วนใหญ่จะโง่ จะวุ่นวายไม่จบสิ้น 
> จะตะโกนแต่คำขวัญของกรรมกรคอมมิวนิส ประชาชนต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน 
> แล้วก็ตีกันด้วยอารมณ์ จบไม่ลงก็เดือดร้อนพ่อหลวงต้องมาระงับศึกทุกครั้งไป 
> แต่ประชาชนก็ยังอยากเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ของพระเจ้าอยู่หัว โดยไม่รู้จักเจียมตัว 
> ดูแลแผ่นดินกันให้เรียบร้อยยังไม่ได้ แต่อยากเป็นใหญ่ในแผ่นดิน 
> เป็นคอมมิวนิสที่แอบอ้างประชาธิปไตยมาต่อเนื่องครับ 
> เพราะยังเชื่อกันว่า ถ้ากรรมกรเป็นใหญ่ฟ้าจะสีทองผ่องอำไพครับ 
> ตัวอย่างมีให้เห็นในแผ่นดินคอมมิวนิสอื่นเยอะแยะ ยังจะดักดานกันอยู่อีก 
> ก็วันนี้กุลีก็เป็นใหญ่ในแผ่นดินไทยแล้วนี่ครับ ฟ้าก็ยังสีแดง 
> ทุกอย่างจะเรียบร้อยต่อเมื่อฟ้าสีน้ำเงินเท่านั้นครับ 
> จงรับรู้ไว้ซะ 


> วันเสียงปืนแตกของคอมมิวนิสต์ใกล้แล้วนะครับ 
> แตกในกรุงนี่แหละ ..แตกกันเอง 

> 4. ถ้ากรุงมันจะแตกหรือไม่แตก แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ 'วิชาประวัติศาสตร์' ล่ะครับ ? 

> ประวัติศาสตร์สอนให้คนในชาติบังเกิด 3 สิ่ง 
> สำนึก กตเวทิตา และ อุทาหรณ์ 
> ปราศจาก 3 สิ่งนี้เราเป็นชาติไม่ได้ครับ 

> อ้ายลาว น่านจ้าว โยนก เชียงแสน ล้านนา ทวาราวดี ศรีวิชัย หริภุญชัย 
> สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี แตกหมดแล้ว 
> เพราะไม่มีวิชาประวัติศาสตร์เรียนครับ 
> อาณาจักรเหล่านี้เอาคนเชื้อสายต่างด้าวเข้ามาปกครอง 
> เป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษา และลบประวัติศาสตร์ทิ้ง 
> ให้หันมาเลื่อมใสเชื้อสายต่างด้าวที่รวยเอารวยเอาไม่เลิก 
> เพื่อให้เลิกนับถือพ่อและหันมานับถือเตี่ยใหม่แทนพ่อ 



> ไม่มีทางครับ 
> คนไทยเติบโตมากับการปกครองแบบพ่อกับลูก 
> เปลี่ยนไม่ได้ครับ ยังไงก็เปลี่ยนไม่ได้ 
> แต่ปรับได้ ขอให้รอฟังในช่วงต่อไปด้วยความอึดอัดและหงุดหงิดนะครับ 
> เพราะของดีต้องมาตอนจบ 
> เหมือนทุกวิกฤติของบ้านเมืองที่ผ่านมา และ คราวนี้ก็ด้วย 
> พ่อจ๋า หนูกราบขอบพระคุณ และ คิดถึงพ่อมาก พะย่ะค่ะ 
> ทอล์คโชว์ครั้งนี้จัดเพื่อสนองกระแสรับสั่งของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ 
> เรื่องวิชาประวัติศาสตร์ที่หายไปครับ 




> 5. ถามตรงๆ ทอล์คโชว์คราวนี้มีประเด็นหลักๆ เป็นเรื่องการเมืองใช่หรือเปล่าครับ เพราะอะไร ? 

> การเมืองอย่างเดียวเลยครับ 
> การเมืองตั้งแต่สมัยโยนกมาจนถึงสมัยราชวงศ์แซ่เบ๊อีก 50 ปีข้างหน้าครับ 
> เราไม่รอดหรอกครับ เพราะเราแหย 
> คนไม่แหยมีอยู่หยิบมือเดียว ที่กล้าฟังเรื่องพวกนี้ 
> ที่เหลือนอนรอสิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาล 
> ซึ่งบางทีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ทรงพระเบื่อเป็นนะครับ 
> เพราะประชาชนอยากเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แต่แก้ปัญหาในแผ่นดินกันไม่ได้ 

> แผ่นดินเกษตรกรรมแหงนรอฝนฟ้าบันดาลมาเกือบพันปี 
> แก้กำพืดนี้ไม่ได้ จะให้แก้ปัญหากันเอง ไม่มีวันครับ 

> ในทอล์คโชว์วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคมนี้ 
> ท่านผู้ชมที่มีกตเวทิตาและกล้าหาญสามารถสมัครคาราวาน กรุงเทพ – อยุธยา 
> เดินทางวันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน 
> เพื่อเยี่ยมคำนับแผ่นดินประวัติศา?ตร์ที่ลูกหลานลืมหมดแล้วว่า 
> บรรพบุรุษไทยก็ไม่ใช่ขี้ขี้ 
> เพียงเพราะวันนี้ไม่มีวิชาบรรพบุรุษศาสตร์ให้ผองเราเฝ้าศึกษา 
> ก็หาใช่ว่าวีรกรรมของผองท่านจะหาเคยปรากฏไม่ 
> ใช้ภาษาวรรณกรรมแล้วซับซ้อนดี 
> เหมือนที่ให้รากหญ้าอ่านรัฐธรรมนูญแล้วไม่รู้เรื่อง 
> ก็ถามว่ากินได้มั้ย 
> ทำให้ เรารู้ว่าค่อนประเทศคิดแค่เรื่องกิน คนที่พวกนี้เลือกมาจึงกินจุ 

> ไม่รู้จักคำว่าพอเพียงของในหลวง 
> ถือเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 
> เช่นเดียวกับการเข้าคูหาไปกาเลือกสามัญชนมาใช้ พระราชอำนาจของพระองค์ ก็มิผิดเพี้ยน 
> ผลกรรมจึงตามมาลงโทษทัณฑ์ให้เราต้องอยู่อย่างไร้ความสงบสุขฉะนี้เอง 
> แต่แผ่นดินย่อมดูแลผู้ที่กาโนโหวตให้มีชีวิตที่สุขสบายไร้กังวล 
> สามารถมานั่งให้สัมภาษณ์ได้อย่างสบายใจเฉิบๆอยู่ ณ ขณะนี้นั่นเองครับ 




> 6. พี่ตู้มองความแตกต่างระหว่างเพลงเก่ากับนักการเมืองเก่ายังไงครับ ? 
> เช่น เพลงยิ่งเก่ายิ่งอมตะ แต่นักการเมืองยิ่งเก่า ก็ยิ่งเก๋าและโกงเก่งอะไรอย่างงี้เป็นต้น 


> น้องนิยามได้คมคายมากครับ พี่ชอบ เมื่อพี่ชอบพี่ก็ชมต่อหน้า 
> คนไทยต้องแก้นิสัยไม่กล้าแสดงออกนะครับ ไม่ชม ไม่ด่า 
> แล้วมันจะรู้มั้ยว่าเราเกลียดมัน 
> พี่จึงยกย่องวีรกรรมของแกนนำพันธมิตรและผู้ร่วมชุมนุม 
> และพี่จึงด่าคนที่พี่เกลียด เช่น รากหญ้า 
> เพราะมันคือต้นตอแห่งปัญหาทั้งปวง 
> คนที่มันเลือกมาสร้างปัญหาให้บัณฑิตเมืองหลวง 
> ที่เสียภาษีไปเลี้ยงพวกมันที่โง่และขี้เกียจ 

> พูดออกสื่อไม่ได้เพราะสื่อขี้ขลาดครับ จึงต้องมาทำทอล์คโชว์ 
> เพื่อให้พูดได้โดยไม่ต้องเกรงใจสื่อที่ปอดแหก 
> แต่ต้องพูดกับเฉพาะคนดูที่กล้าเท่านั้นนะครับ 
> คนดูที่ขี้ขลาดอย่าซื้อบัตรทอล์คโชว์พี่นะ เดี๋ยวเยี่ยวแตกในโรงครับ 

> สังคมที่ไม่กล้าแสดงออกไม่มีวันเป็นประชาธิปไตยได้ครับ 
> คนที่ไม่กล้าแสดงออกก็เกิดมาหายใจเสียเปล่าไปชาตินึง เรียกว่า ดีแต่เกิด 
> ซึ่งเป็นชื่อหนังสือเล่มแรกของพี่ ที่ผู้คนบอกว่าควรอธิบายชื่อหนังสือ 
> พี่ก็บอกว่าถ้าไม่เข้าใจก็ไม่ควรอ่าน 
> พี่ไม่เอาใจใครเลยครับ 
> ไม่ใช่เพราะเป็นลูกทหารยศพลอากาศเอก 
> ไม่ใช่เพราะไปโตเมืองนอกตอนคุณพ่อเป็นทูตลอนดอน 
> ไม่ใช่เพราะเป็นนิสิตดีเด่นเพชรชมพูของจุฬา 
> แต่เพราะพี่เหนื่อยกับการอธิบายคนที่ฟังไม่เป็นครับ 
> ต่อให้พี่อธิบายจนมันเข้าใจแล้วมันก็ไปนอน แล้วมันจะสงสัยไปทำไม 
> ไม่ใช่คนสำคัญอะไรเลย 
> ไม่ได้เป็นแม้แต่ทรัพยากรที่มีคุณค่าอะไรต่อแผ่นดินเลย 
> แต่ขี้สงสัย ถามจังเลย 
> แผ่นดินสยามไม่ต้องมีมันก็ได้ครับ เปลืองออกซิเจนสยาม 


> พี่เลือกพูดกับเฉพาะคนที่มีไอคิว ฟังเป็น เข้าใจเป็น คิดต่อเป็น 
> คนเหล่านี้มีประโยชน์ต่อส่วนรวม พี่ต้องพูดกับเค้าครับ 

> แต่ไอ้ประเภทฟังแล้วขี้ขโมย เช่น พี่ตู้คิดเหมือนผมเลย 
> พวกนี้พี่ถีบเบาๆแล้วสอนครับ
> ท่านคิดสิ่งดีๆ แล้วไม่พูดออกมา คุณงจะคิดไปทำไม 
> พลังเงียบไม่มีพลังนะครับไอ้โง่ !! 

> ได้ผลหลายรายแล้วครับ 
> จริงๆ คือ มันฟังเสร็จแล้วเห็นด้วย แต่วางฟอร์ม ก็พูดว่าคิดเหมือนกัน 
> ไม่ใช่มันคิดเหมือนพี่นะ มันบอกว่าพี่คิดเหมือนมัน แปลว่ามันคิดก่อน 
> บัณฑิตที่เรียนถึงปริญญาเอกยังเป็นเลยครับสันดานนี้ คือ คอรัปชั่นดีๆ นี่เอง 
> มาจากการตักกับข้าวจากกลางโต๊ะมาใส่จานตัวเอง คือ 
> เอาของส่วนรวมมาเป็นของตน 
> ซึ่งเราสอนเด็กให้โกงตั้งแต่เล็กๆ มาโดยไม่รู้ตัวกันครับ 
> ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยในซีกโลกหนาว เวลากินข้าวต้องจานใครจานมัน 
> ไม่มีการตักจากกลางโต๊ะทีละคำ มันตักทีเดียวราดเสร็จไปเลย 
> เป็นการวางแผนระยะยาว 

> ไทยเราคิดทีละคำ แล้วตะกละด้วยนะ กับข้าวหลายอย่างมาก 
> เมืองหนาวมันกินมื้อละอย่าง เพราะยังมีมื้อหน้าค่อยกินอย่างอื่น 
> มื้อนั้นไม่ใช่มื้อสุดท้ายของชีวิต มันคิดกันได้ไงครับ 
> ถ้าเราสอนเด็กกินข้าวราดแกงตั้งแต่เล็ก เด็กจะโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ตะกละ 
> ไม่ขโมยของส่วนกลาง รู้จักวางแผน 
> และ คิดเป็นว่าทุกมื้อไม่ใช่ THE LAST SUPPER 

> เพราะคิดกันไกลอย่างเมืองหนาวไม่ได้ 
> เนื่องจากอุดมสมบูรณ์ ไม่มีการอดอยากหน้าหนาวอย่างพวกนั้น 
> ก็ไม่มีการวางแผนล่วงหน้า 
> ทำให้นักการเมืองก็ไม่คิดไกล โกงง่ายๆ 
> เพราะประชาชนเองก็ไม่คิดไกลเหมือนกัน 
> เลือกพรรคนี้คนนี้เพราะเบื่อพรรคโน้นคนโน้น 
> ถ้าคิดไกลจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่สามัญชนจะแวะมาหวังดีกับประเทศ 4 ปี 
> โดยที่ก่อนหน้านั้นก็ไม่เคยทำอะไรให้ประเทศมาก่อนเลย
 
 
*****************************************************
 

จากคุณ : bunggie
เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 21:16:10 A:180.214.208.92 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com