
ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์ก็กล้า "ไร้ยางอาย" เขียน เฟก บุค ตั้งหลายตอน
เขียนอย่างไม่อาย เขียนอย่างไร้ความรับผิดชอบ
เขียนออกมาแค่ตอนที่หนึ่ง ก็โดนตอบโต้ว่าไม่ใช่ความจริง ไม่ใช่เรื่องจริง นายอภิสิทธิ์เงียบบบบบ....
แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาเขียนโกหกบิดเบือนต่อไปอีกหลายตอนอย่างหน้าตาเฉย
ซึ่งก็ได้ผล และผลนั้นก็คือพรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้งอย่างราบคาบยับเยิน
แล้วนายอภิสิทธิ์ก็วางมาดเท่ ลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อผลการเลือกตั้ง
แต่ก็กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้งในไม่กี่วันต่อมา ไม่รู้ลาออกหาพระแสงด้ามง้าวอะไร
พูดซะเท่ว่าลาออกเพื่อรับผิดชอบ ไม่กี่วันก็กลับมาอีก มันรับผิดชอบตรงไหนว่ะ

ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา จนกระทั่งถึงเมื่อวานที่มีการอภิปรายงบประมาณในสภาฯ
นายอภิสิทธิ์และนายกรณ์ก็จงใจพูดบิดเบือนป้ายสี เป็นการพูดต่อสื่อมวลชน เป็นการพูดต่อสาธารณะ
พูดบิดเบือนและป้ายสีอยู่สองเรื่อง หนึ่งคือเรื่องให้เงินหมู่บ้านแดงหมู่บ้านละล้าน และสองคือเรื่องภาษีโอค-เอม
โดยเฉพาะเรื่องภาษีโอค-เอมนี่ น่าสงสารนายกรณ์ ที่เมื่อวานนี้โดนรองนายกฯเฉลิมตอกหน้ากลางสภาฯ
ชนิดที่เรียกว่า "เสียแมว" ถึงขนาดเฉลิมต้องบอกว่า พอเถอะกรณ์เอ๋ย อย่าพูดอีกเลย ยิ่งพูดยิ่งเละ
นายอภิสิทธิ์และนายกรณ์ทำไมกล้า "ไร้ยางอาย" พูดบิดเบือนป้ายสีถึงขนาดนี้
เพื่อหวังผลทางการเมืองเท่านั้น ? โดยไม่คิดถึงเรื่องอื่นใดเลย
ไม่คิดถึงเรื่องความน่าเชื่อถือ ไม่คิดถึงเรื่องเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นคน
แค่พูดให้คนอื่นเสียหาย จะจริงจะเท็จไม่สนใจอย่างนั้นหรือ...
มหาวิทยาลัยประเทศอังกฤษสอนสองคนนี้มาอย่างไร ทำไมถึงได้ "หนา" ขนาดนี้
แปลกใจจริง ๆ

ดูนายอภิสิทธิ์และนายกรณ์ โดนจับผิดการจงใจพูดบิดเบือนใส่ร้ายป้ายสีกลางสภาฯ
http://www.me.in.th/live/
คลิกดูช่วงหอยม่วง 23 ส.ค. เวลา 13.33 - 13.36 น. และเวลา 21.12 - 21.14 น. และ 21.33 - 22.09 น.
