 |
สุดยอดนโยบายกระทรวงพาณิชย์...เยี่ยมจริงๆ
|
 |
วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 17:09:02 น.
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า
รัฐบาล มีนโยบายส่งเสริมให้ชาวนาลดพื้นที่การปลูกข้าวในประเทศลง เพื่อเป็นการกระตุ้นราคาซื้อขายข้าวในตลาดโลกให้ปรับตัวสูงขึ้นตามนโยบาย เพิ่มรายได้เกษตรกรของภาครัฐ
โดยหากเห็นว่าไทยผลิตข้าวได้ มาก จนตลาดไม่ตอบสนองการซื้อข้าวราคาสูง ในระยะต่อไปก็คงต้องลดปริมาณ และส่งเสริมนำพื้นที่ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น เช่น ให้ไปปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นที่สร้างรายได้สูงกว่าแทน เช่น อ้อย มันสำปะหลัง
“ถ้าข้าวยังคงขายได้ราคา ก็คงจะผลิตต่อ แต่ถ้าราคาไม่ขึ้น ก็อาจต้องปลูกให้น้อยลง เพื่อช่วยผลักดันให้ราคาข้าวในตลาดปรับสูงขึ้น และรัฐบาลจะช่วยไปดูเรื่องต้นทุน ซึ่งถ้าเราปลูกน้อย แต่มีรายได้สูงกว่า ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี”
นอกจากนี้ต่อ ไปรัฐบาลมีแผนร่วมมือกับสภาหอการค้าไทย ในการวางแผนการเพาะปลูกสินค้าเกษตรให้เกิดประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันหอการค้า ฯ มีการดำเนินโครงการ 1 ไร่ 1 แสนอยู่แล้ว โดยจะประสานข้อมูลภาคเอกชน รวมเกษตรกร ซึ่งพืชบางอย่างอาจให้ปลูกน้อยลง รวมทั้งรัฐจะเข้าไปดูแลเรื่องต้นให้ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น
นาย กิตติรัตน์กล่าวว่า การเปิดรับจำนำข้าวคาดว่าจะเปิดเร็วขึ้นเป็นช่วงกลางเดือน หรือ 15 ต.ค.54 เร็วกว่าเดิมที่กำหนด 1 พ.ย. และในวันที่ 1 ก.ย. 54 กระทรวงพาณิชย์จะประชุมร่วมกับผู้เกี่ยวข้องด้านข้าว ทั้งชาวนา โรงสี ผู้ส่งออก เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการเปิดรับจำนำข้าว ก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติพิจารณาภายในเดือนก.ย.
ทั้ง นี้รัฐบาลไม่ได้กำหนดปริมาณรับจำนำข้าวเปลือก แต่ยืนยันว่าจะบริหารจัดการให้ชาวนาขายข้าวได้ไม่ต่ำกว่า 15,000 บาทตามที่กำหนดไว้ โดยส่วนหนึ่งคาดว่าโรงสี และพ่อค้าจะเข้ามาซื้อข้าวจากชาวนาเพื่อไปจำหน่าย ขณะที่การใช้งบประมาณมั่นใจว่าจะไม่สูง โดยเบื้องต้นจะใช้งบบริหารจัดการไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ส่วนเงินหมุนเวียนเพื่อใช้ซื้อขายข้าวยังไม่กำหนด แต่มีเป้าหมาจะทำให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้น
ส่วนการดูแลราคาข้าวสาร สำหรับผู้บริโภค กระทรวงฯ มีแผนที่จะจัดทำข้าวถุงธงฟ้าอย่างแน่นอน เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน เพราะหลังจากที่รัฐบาลได้เริ่มโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ก็จะทำให้ข้าวเปลือกมีราคาสูงขึ้น และหากไม่เข้าไปดูแล ก็จะกระทบทำให้ข้าวถุงมีราคาสูงขึ้นตาม และกระทบกับประชาชน นาง วัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการภายใน กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้ากรมฯ จะประกาศราคาแนะนำเนื้อหมูเหลือ กก.ละ 140 บาท ต่ำกว่าราคาควบคุมเพดานสูงสุดที่กำหนดกก.ละ 152 บาท เนื่องจากสถานการณ์ราคาเนื้อหมูเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง หลังจากหมูเป็นหน้าฟาร์มขณะนี้ลดลงมาอยู่ที่กก.ละ 76-77 บาท ต่ำกว่าราคาเพดานควบคุมที่กำหนดไว้กก. 81 บาท “ต่อไปกรมจะลด มาตรการ จากการควบคุมเพดานราคา เหลือเป็ฯการประกาศราคาแนะนำ ซึ่งถือเป็นการขอความร่วมมือไม่ใช่การใช้มาตรการกฎหมายบังคับ โดยในวันที่ 2 ก.ย.นี้ กรมจะประชุมร่วมกับผู้ประกอบการหมูบางกลุ่ม เช่น กลุ่มผู้เลี้ยงสุกร เพื่อประเมินสถานการณ์แนวโน้มราคาหมูอีกครั้ง ส่วนมาตรการระงับการส่งออกหมูเป็นชั่วคราว จะยังไม่ยกเลิก เพราะปริมาณการผลิตยังไม่ถือว่ากับเข้าสู่ภาวะปกตินัก แต่อาจพิจารณาอีกครั้งในช่วงปลายปี” สำหรับการผลักดันให้ผู้ประกอบ การปรับลดราคาสินค้า หลังจากที่ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลลดลง ขณะนี้มีกลุ่มที่ตอบรับว่าสามารถปรับลดราคาสินค้านอกเหนือจากปูนซีเมนต์ คือปุ๋ยเคมี ที่สามารถจะปรับลดราคาสินค้าเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรได้ ส่วนสินค้ากลุ่มอื่นๆนั้นจะมีการหารือเพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้งในวัน ที่ 5 ก.ย.
http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... &subcatid=
------------------------------------------- เยี่ยมมาก ถ้าปลูกมากแล้ว ราคาถูก ลดพื้นที่ปลูกให้น้อยลง สุดยอดนโยบาย
สมกับที่ ๑๕ ล้านเสียงเลือกเข้ามาจริงๆ วิธีแก้ปัญหาง่ายๆ ไม่ต้องปวดสมอง ผลผลิตมาก ก็ลดมันลงเสีย ราคามันจะได้สูงขึ้น สุดยอดๆ
จากคุณ |
:
arpond2518
|
เขียนเมื่อ |
:
31 ส.ค. 54 20:14:31
A:125.26.76.243 X:
|
|
|
|  |