สุมหัว วางแผนใต้ดินกันดีนัก..มาด้วยกันก็ให้มันเน่าตายไปด้วยกัน..เทพแกล้งมั่ว มาร์คทำมึน..กรณีเรื่องลับๆ ล่อๆ

ไม่ขอเท้าความที่มาให้ยืดยาวล่ะครับ แต่ถ้าอยากดูรายละเอียดก็ไปดูที่

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P11004803/P11004803.html

และในที่สุด นายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ก็ต้องออกมาชี้แจงตามระเบียบ..ดีครับที่ออกมาตอบข้อข้องใจ แต่ว่าการตอบทั้ง 2 คนนี่ เหมือนร้อนรน จนจำไม่ได้ว่าตัวเองไปทำอะไร เมื่อไหร่..จนกลายเป็นการประจานตัวเองไปเสียฉิบ..ขอเรื่มจากนายสุเทพก่อน..

“ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.สุราษฎร์ธานี  ปฏิเสธว่า ยังไม่เห็นแถลงการณ์ ที่ระบุว่า ตนเจรจาลับกับ นายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา เรื่องผลประโยชน์ทางทะเล แต่ยอมรับว่าเคยพบปะกับ นายซก อาน นอกรอบจริง ที่เกาะฮ่องกง ในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทย ในการจัดประชุมร่วมกับกัมพูชาเรื่องความร่วมมือด้านต่างๆ

อีกทั้ง ความร่วมมือเรื่องทรัพยากรทางทะเล แต่ไม่ได้มีข้อตกลงใด ๆ มีเพียงข้อเสนอของ นายซก อาน ว่าน่าจะนำข้อพิพาทผลประโยชน์ทางทะเลมาหารือในรูปแบบคณะกรรมการและจัดพื้นที่ให้เป็นตารางหมากรุกและจับฉลากว่า ใครจะบริหารจัดการพื้นที่ไหน ซึ่งตนก็รับแนวคิดนี้มาหารือในกรอบ ซึ่งทุกเรื่องที่จะตกลงต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน พร้อมยืนยันว่าไม่มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างแน่นอน..”

คราวนี้มาดูข้อชี้แจงของนายอภิสิทธิ์ ขวัญใจของนักข่าวสาว 7 สีดูบ้าง..

“ทุกอย่างมีความชัดเจนว่าในตอนเริ่มต้นรัฐบาลนั้น ได้มอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้ดำเนินการ เท่าที่ทราบนั้นการเจรจาดังกล่าวเป็นการขอคุยนอกรอบเพื่อทำกรอบเจรจาเพราะต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมสภา

และในที่สุดเมื่อมีการแขวนบันทึกความเข้าใจร่วมไทย-กัมพูชา (เอ็มโอยู 2544) ก็ยุติกันไป ไม่ได้มีเรื่องอะไรซับซ้อนเลย

ทั้งนี้คงต้องใช้สามัญสำนึกดีกว่าว่าถ้ารัฐบาลไปเอื้อผลประโยชน์กับกัมพูชาจริง ฝ่ายกัมพูชาก็น่าจะพอใจ แต่ที่กัมพูชาพยายามดิสเครดิตรัฐบาลที่แล้วก็เป็นเพราะรัฐบาลชุดก่อนไม่เคยตามใจกัมพูชา เพราะต้องการรักษาผลประโยชน์ของชาตินั่นเอง..”

ผมขอตั้งข้อสังเกต และลำดับเหตุการณ์คร่าวๆดังนี้..

1) สุเทพ บอกว่ายังไม่เห็นแถลงการณ์ แต่เวลาตอบผู้สื่อข่าวตอบได้เป็นฉากๆ..ทั้งๆที่ไม่มีการถามนำ

2) 16 มิ.ย. 52 ครม.มีมติแต่งตั้งนายสุเทพ เป็นประธานคณะกรรมการเทคนิคร่วมฯ JTC (คณะกรรมการร่วมไทย กัมพูชา เพื่อแสวงหาประโยชน์ด้านพลังงานในทะเลอ่าวไทยร่วมกัน ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล – MOU 44 ) ตรงนี้ เป็นเรื่องแปลกครับ เพราะโดยปกติต้องเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ..แต่เป็นที่ทราบ นายกษิต เคยไปด่าผู้นำกัมพูชาเขาไว้..

3) 27 มิ.ย. 52 นายสุเทพ กับ พล.อ. ประวิตร บินไปพบ ฮุนเซนที่กัมพูชา..โดยมอบหมายให้นายซกอานเป็นตัวแทนเจรจาเรื่อง JTC ตามข้อตกลง MOU 44.. แล้วคุณประวิตรไปในฐานะอะไร ไม่ใช่เรืองสงครามน่ะครับ หรือแค่ไปเป็นเพื่อน..?

4) 01 ส.ค. 52 นายสุเทพ พบกับนายซกอาน ที่ฮ่องกง..เพื่อเจรจาเรื่องการแบ่งพื้นที่ดังกล่าวตามที่เป็นข่าว..?

5) 10 พ.ย. 52 ครม.รัฐบาลอภิสิทธิ์ มีมติยกเลิก MOU 44  แล้วให้นำเรื่องเข้าสู่สภาฯเพื่อขอความเห็นชอบตาม ม.190 และให้กระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือแจ้งกับทางกัมพูชา..

ช่วงระหว่าง 01 ส.ค. – 10 พ.ย.52 โปรดสังเกตว่าคุณทักษิณได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา..อาจแปลเจตนาได้ว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์กำลังตอบโต้กัมพูชา..

6) 16 ก.ค. 53 นายสุเทพ บินไปพบกับนายซกอานอีกครั้งที่ คุนหมิง ประเทศจีน..เจรจาลับอีกแล้ว..?

7) 09 ส.ค. 53 กษิตแถลงข่าวแสดงจุดยืนว่าจะยกเลิก MOU 44 ภายใน 30 วัน

8) 08 ต.ค. 53 นายสุเทพ ลาออกเพื่อไปลง สส.อีกครั้ง

9) 16 พ.ย. 53 นายสุเทพ ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นรองนายกฯอีกครั้ง

10)25 พ.ย. 53 ครม.มีมติแต่งตั้งนายสุเทพ เป็นประธานคณะกรรมการร่วม JTC อีกครั้ง แต่คราวนี้มีทูตประจำกรุงแคนเบอร่า เป็นคณะกรรมการในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องสนธิสัญญาเขตแดนเพิ่มเข้าไปด้วย..ตรงนี้แหละครับ โคตระมั่ว จนคนเขาสับสนไปหมด..

เพราะ ครม.มีมติยกเลิก MOU 44 ไปแล้ว และ กระทรวงการต่างประเทศก็รับลูกไปแล้ว แต่ตอนหลังกลับมาใช้ MOU 44 อีกครั้ง อ้างว่ายังไม่ได้ผ่านสภาฯ ( ม.190 ) เพียงแต่แค่แขวนไว้ เหมือนที่อีตาอภิสิทธิ์ว่าไว้ในวันนี้นั่นแหละครับ..สรุปแล้วมันมีลับลมคมในอย่างไรกัน หรือเดาเอาว่ากำลังจะตกลงกับกัมพูชาได้แล้ว..จะได้ตุนคะแนนเสียงไว้สำหรับการเลือกตั้ง..?

11) 7 ม.ค. 54 สุเทพแสดงจุดยืนว่าต้องเคารพกม.กัมพูชา กรณี วีระ ราตรี และต่อเนื่องไปถึงเรื่องเขาพระวิหารเป็นเรื่องของกัมพูชาเพราะเรื่องจบไปตั้งนานแล้ว

12) 10 มี.ค.54 สุเทพแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรกรณีทักท้วงเรื่องการแบ่งเส้นเขตพื้นที่ทางทะเลตามที่มีคนทักท้วงว่าไทยเสียเปรียบ..โปรดสังเกตว่าช่วงนี้เอาใจกัมพูชาเป็นพิเศษ กต.หายหัวไปไหนก็ช่างมัน

สรุป : เรือ่งนี้คนไทยก็ถูกรัฐบาลอภิสิทธิ์แหกตา เหมือนกรณีการออกหมายจับคุณทักษิณของตำรวจสากลเช่นเคย นี่ถ้าองค์การปิโตเลียมของกัมพูชา ภายใต้การกำกับดูแลของนายซกอาน รองนายกฯ ไม่แถลงข่าวเป็นทางการออกมา เรื่องก็คงเงียบไปตามสายลม..และก็คงเป็นความลับเช่นเคย

แต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ไปสัญญง สัญญาอะไรกับเขาไว้ในทางลับ แต่ทำไม่ได้แถมยังเอาเขา และคุณทักษิณไปตีกินเอาดีใส่ตัว โยนชั่วให้คนอื่น..กรรมมันก็เลยตามสนอง เพราะวันเวลามันช่างบังเอิญสอดคล้องกันเหลือเกิน..

นายสุเทพจะปฏิเสธ แกล้งมั่วนิ่มอย่างไรก็คงหนีไม่พ้น และที่บอกว่าถ้าแถลงการณ์ดังกล่าวทำให้ตนเองเสียหายก็จะฟ้อง ผมก็ขอเชียร์เต็มที่เลยครับจะได้รู้กันไปเลยไม่ต้องมาทำเป็นปากกล้าท้าชาวบ้านเขาร่ำไป..ส่วนนายมาร์คก็อย่าทำมึน ตัวเองก็หาจุดยืนไม่ได้ เป้นนายกฯแท้ๆกลับให้คนอื่นเขาครอบกระบาล..

คำพูดของคุณที่ว่าเมื่อแขวน MOU 44 ไปแล้วเรื่องก็ยุติ ยุติอะไรล่ะครับ หรือว่าแค่พูดตบหูตบตาชาวบ้าน แขวนแล้ว ทำไมมาตั้งนายสุเทพไปเจรจาทางลับ หรือที่พวกคุณเรียกว่านอกรอบทำไมอีก มันไม่ซับซ้อนเลยน่ะครับ..เพราะมันก็แค่เล่นละครตบตาชาวบ้านเหมือนกรณีอายัด โบอิ้ง ยังไงยังนั้น..

ดังนั้นก็เป็นการดี เป็นการชอบแล้วล่ะครับ เพราะดันสุมหัวทำลับๆล่อๆกันดีนัก ไม่รู้หรือไงว่าความลับไม่มีในโลก..ก็ให้มันเน่าตายไปพร้อมๆกัน..พวกผีเน่า กับ โลงผุ..

จากคุณ	: แมวน้ำสีคราม
เขียนเมื่อ	: 1 ก.ย. 54 01:03:46 A:180.180.94.191 X: