ถึงแม้รัฐบาลจะมีเหตุผลที่พอจะสามารถอธิบายได้บ้างว่า เพื่อความเหมาะสมกับนโยบายของรัฐที่ต้องการผู้นำตำรวจที่มีลักษณะของมือปราบโดยเฉพาะมือปราบยาเสพติด รวมทั้งเหตุผลคืนความเป็นธรรมให้แก่ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ที่ถูกอำนาจเผด็จการกลั่นแกล้ง รังแก ก็ตาม

แม้จะมีการอภิปรายเปิดโปงเรื่องบ่อนของนายชูวิทย์ ที่แสดงให้เห็นความล้มเหลวในการบริหารงานของ พล.ต.อ.วิเชียร ที่ผ่านมา จะช่วยเพิ่มน้ำหนักความชอบธรรมให้อีกขั้นหนึ่ง

แต่การเข้าบ้านสี่เสาของ พล.ต.อ.วิเชียร แล้วมีการออกมาการันตีว่าเป็นคนที่ทำงานดี ต่างหากที่ทำให้กระแสเริ่มตีกลับว่า พล.ต.อ.วิเชียรนั้นแอบอิงอยู่กับขั้วอำนาจใด ?

และพอมีเรื่องก็วิ่งโร่เข้าหา "แบ๊ก" มาหนุนหลังเพื่อชนกับรัฐบาลที่มาจากประชาชน หรือไม่?

นี่เป็นการทำตัวเองของ พล.ต.อ.วิเชียร ในดอกแรก!!!

และการที่นายอภิสิทธิ์และพลพรรค ปชป.ออกมาทุรนทุรายจนเกินงาม มากกว่าตัวคนที่จะถูกย้ายเอง

ภาพของ พล.ต.อ.วิเชียร กลับติดลบหนักว่าเป็นตำรวจที่เข้ามาเป็น ผบ.ตร.ได้ก็เพราะ "การเมือง" มากกกว่าคุณสมบัติ

ดอกสุดท้าย พอหมอตุลย์ออกมา ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี เพราะสังคมย่อมตระหนักดีว่า หมอตุลย์นั้นไม่เหลือภาพความเป็นกลางใดๆ อีกแล้วที่จะมาเคลื่อนไหวเรียกร้องใดๆ ให้แก่ใครอีกต่อไป

เพราะบทบาทที่ผ่านมาย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์บบทบาทของหมอตุลย์ได้เป็นอย่างดีว่าเป็นใคร พวกไหน?

การเคลื่อนไหวของหมอตุลย์ในครั้งนี้ เท่ากับว่าเป็นการเร่งให้ พล.ต.อ.วิเชียร รีบเก็บของออกจากห้องทำงาน และเตรียมตัวไปรับงานใหม่ได้เลย โดยไม่ต้องลังเล

เพราะเป็นการตอกย้ำว่า พล.ต.อ.วิเชียรเป็นตำรวจในสายประชาธิปัตย์นั่นเอง เมื่่อมาด้วยการเมือง ก็ต้องไปด้วยการเมืองนั้นถูกต้อง ชอบธรรมแล้ว

ช่วยส่งเสริมให้เสื่อมเสียกันดีแท้ ๆ

หุหุ