
จับไอ้พวกชุดดำไม่ได้แม้แต่คนเดียว
จับได้แต่ "กองกำลังจากกลางสนามหลวง" ที่เล่นเอาฮาปนน่าสมเพชและบาปกรรม
จับมาขังคุกไว้เป็นปี ๆ คดีไม่ไปไหน เป็นการ "ยัด" ความผิดให้อย่างไร้มนุษยธรรม
ยิงกองกำลังติดอาวุธไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ ยิงได้แต่ประชาชนผู้บริสุทธิ์
เฮ้ย... ขับรถทับแมวชาวบ้านตาย ยังต้องหยุดรถลงมาแสดงความรับผิดชอบ
นี่ชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั้งนั้น
มันยัง "ปากดี" อยู่ได้
อย่างว่า โรงแรมหน้าบ้านเดือดร้อน มันยังไม่รู้สึกรู้สา ทำท่าเหมือนจะมีใครไปฆ่ามัน
วันนี้ มันหมดอำนาจ ใครไปทำอะไรมัน ?
ตำรวจทหารที่เคยเต็มหน้าบ้าน วันนี้ไม่มีแล้ว แล้วมีใครไปทำอะไรมันไหม
ไอ้คนที่เอาแต่ได้ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นใหญ่ ทำอะไรก็ได้เพื่อสนองความเห็นแก่ได้ส่วนตน
แอบพบกันเรื่องยุบพรรคมันก็ทำ ตั้งรัฐบาลในค่ายทหารมันก็ทำ แล้วยังทำหน้ามึนว่าไม่รู้ไม่เห็น
สลาย มันก็บอกว่าขอคืน บอกว่ากระชับ แอบเจรจามันก็บอกว่าคุยกันนอกรอบ นอกรอบอะไรว่ะ
ถ้านอกรอบมันก็ต้องมีข่าว ถ้านอกรอบประชาชนก็ต้องได้รับรู้
นี่ถ้าเขมรไม่เปิดโปง คนไทยหน้าไหนจะรู้เรื่องบ้าง
อย่างว่า "รู้อยู่คนเดียว" จนคนไทยติดคุกอยูสองคนมาค่อนปีแล้ว มันยังเฉย
ใครจะเลวได้ขนาดนี้
เป็นคนหรือเปล่า ?

...................................................
นายเทิดศักดิ์ หรือโบ้ท ฟุ้งกลิ่นจันทร์ เสียชีวิตที่สี่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553
ผลชันสูตรพลิกศพระบุว่า ถูกกระสุนปืนความเร็วสูงยิงที่บริเวณราวนมซ้าย 5 นัด กระสุนทะลุหัวใจและปอด
โบ้ทเป็นลูกของนายบรรเจิด และนางสุวิมล ซึ่งเปิดร้านขายอาหารตามสั่งอยู่ที่คลอง 3 ปทุมธานี
จบปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ แผนกคหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
แม่เล่าว่า เวลาประมาณ 14.00 น. ลูกชายดูโทรทัศน์ เห็นประกาศของ ศอฉ.ขอคืนพื้นที่ราชดำเนิน
จึงขี่รถจักรยานยนต์ไปที่สี่แยกคอกวัวพร้อมเพื่อน เพื่อช่วยผลักดันทหาร
ประมาณ 20.00 น. โบ้ทโทรศัพท์มาหาบอกว่ากำลังชุลมุนอยู่กับทหารที่ถนนข้าวสาร ตนยังคิดว่าไม่น่ามีอันตรายอะไร เพราะอยู่ใกล้วัดชนะสงคราม
แต่หลังจากที่วางหูไปเพียง 10 นาที เพื่อนที่ไปด้วยกันก็โทรศัพท์มาบอกว่าโบ้ทถูกยิง อาการสาหัส
ตนกับสามีตระเวนหาลูก จนพยาบาลโรงพยาบาลราชวิถีโทรศัพท์มาแจ้งข่าว
ไปถึงก็เห็นโบ้ทนอนอยู่ที่เตียงจึงโผเข้าไปกอด ขณะนั้นชีพจรหัวใจก็เต้นแผ่วลงเรื่อยๆ
จนโบ้ทสิ้นใจในอ้อมกอดของแม่
"โบ้ทเป็นเด็กดี ไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า พยายามดิ้นรนเรียนจบปริญญาตรี ทำงานช่วยพ่อแม่มาตลอด
"พอมาวันหนึ่งที่เขาเห็นว่ามีเรื่องไม่ถูกต้องในสังคม ก็ต้องออกมาเรียกร้องความถูกต้อง เรียกร้องประชาธิปไตย แต่แล้วโดนยิง ไม่รู้จะพูดยังไง
"ไม่เคยพบเคยเห็นรัฐบาลอะไรที่เป็นแบบนี้ ปกปิดประชาชน มีแต่ความเท็จ หากวันนี้ขอได้ ก็ขอให้ความยุติธรรมเกิดขึ้น ขอให้คนที่ทำผิดได้รับโทษ
"แม้เราจะเป็นคนจน ก็ไม่คิดว่าเงินทองเท่าไหร่จะมาแทนลูกเราได้
"ทุกวันนี้เอาไดอารี่ และรูปถ่ายของโบ้ทมานั่งอ่านทุกทีที่คิดถึง ดูไปก็นั่งน้ำตาไหลไปตลอด"
ส่วนพ่อพูดสั้นๆ ว่า ศพลูกชายเพิ่งเผาไปเมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่วัดทุ่งสีกัน ดอนเมือง
"ขอยืนยันว่าที่ออกมาเรียกร้อง ไม่เคยได้รับเงินค่าจ้างจากใคร ทั้งหมดทำด้วยใจ
"จะขอเรียกร้องความเป็นธรรมให้ลูกชายต่อไป รวมทั้งผู้สูญเสียคนอื่นๆ ด้วย"
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1314719287&grpid=&catid=03&subcatid=0305
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNakk1TURnMU5BPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHdPQzB5T1E9PQ==