เหตุผลที่แพ้
คนอื่นพูดเดี๋ยวจะหาว่าอคติ-เอนเอียง
แต่ที่น่าจะทำให้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เถียงไม่ออกเลยก็คือข่าวที่ว่าคณะวิจัยของ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประธานส.ส.พรรคว่าจ้างบริษัทเอกชนทำวิจัยหาเหตุผลว่า
ทำไมประชาธิปัตย์ถึงแพ้เลือกตั้งซ้ำสองซ้ำสามให้กับ "พรรคทักษิณ"
รายงานข่าวไม่ได้ระบุรายละเอียดชนิดลงลึก
แต่คร่าวๆ คือผู้วิจัยได้เปรียบเทียบทั้งตัวพรรค และตัวผู้นำระหว่าง "อภิสิทธิ์" กับ "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์"
ผลปรากฏประชาชนส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า สาเหตุที่ประชาธิปัตย์แพ้มีอยู่ 3 ข้อหลักคือ 1.เชื่องช้าไม่กล้าตัดสินใจ 2.บริหารงานไม่เป็น 3.ไม่ติดดิน ไม่ใกล้ชิดประชาชน
"อภิสิทธิ์" นั้นถึงจะมีจุดดีเรื่องความซื่อสัตย์ แต่ก็อยู่ในระดับไม่แตกต่างกับ "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" อย่างมีนัยยะสำคัญ
ยังมีการเปรียบเทียบด้วยว่า ประชาธิปัตย์เหมือนรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค ติดเครื่องอีแต๋น คือ ภาพลักษณ์ดีแต่ไม่มีประสิทธิภาพ
ซึ่งจะว่าไปเหตุผลต่างๆ เหล่านี้ตรงกับสิ่งที่ใครหลายคนเคยวิเคราะห์แยกแยะไว้แล้ว แต่ประชาธิปัตย์กลับมองว่าเป็นการวิจารณ์แบบมีอคติ มุ่งซ้ำเติมมากกว่าเป็นการติเพื่อก่อ
สำคัญคือประชาธิปัตย์ไม่เคยเชื่อมาแต่ไหนแต่ไรว่าตนเองแพ้เพราะเชื่องช้า เพราะบริหารงานไม่เป็นและไม่ ติดดิน
สิ่งที่ประชาธิปัตย์เชื่อมีอยู่อย่างเดียวคือแพ้เพราะ "เงินทักษิณ"
ถึงจะมีส่วนจริงอยู่บ้าง แต่คงไม่ใช่ทั้งหมดที่ประชาธิปัตย์จะนำมาใช้แก้ตัวแบบเหมารวมทุกครั้งที่แพ้เลือกตั้ง เพราะมันจะต้องมีปัจจัยอย่าง อื่นอีก
อย่างในผลวิจัยก็บอกเอาไว้ว่า เพื่อไทยเป็นพรรคกล้าคิดกล้าทำ ตอบสนองประชาชนได้ดีเหมือนรถเฟอร์รารี่รุ่นใหม่ แถมยังติดเครื่อง คูโบต้าอเนกประสงค์ คือจะดัดแปลงเป็นรถไถนาก็ได้ เป็นรถอีแต๋น เป็นเครื่องสูบน้ำก็ได้
สิ่งเหล่านี้คือข้อแตกต่างอันมีนัยยะสำคัญต่อผลแพ้-ชนะเลือกตั้ง แต่ก็เป็นสิ่งที่ประชาธิปัตย์ไม่เคยยอมรับ
และถ้าหากครั้งนี้ยังไม่ยอมรับอีกทั้งที่เป็นผลวิจัยโดยบริษัทที่ตนเองว่าจ้างมา
นั่นก็แสดงว่าเหตุผลที่ประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้ง ไม่ได้มีแค่ 3 เหตุผลดังกล่าว แต่ยังต้องเติมข้อที่ 4 กับข้อที่ 5 เข้าไปด้วย
คือแพ้ซ้ำซากเพราะไม่ยอมรับความจริง และไม่รู้จักตัวเอง
ที่มา >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> ((( กด )))
ตราบใดที่ทั้งพรรคทั้งกองเชียร์นิสัย"เสีย"แบบที่ว่า และยังไม่คิดที่จะปรับปรุงนิสัยที่"เสีย"นี้ ไม่มีวันชนะการเลือกตั้งทั่วไปแน่นอนไม่ว่าจะอีกกี่ 10 ปีหรือ100 ปี
พรรคนี้ข้อเสียที่สุดคือ ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นที่ต่าง หลายครั้งมาแล้วที่มีคนติติงถึงข้อเสียที่ควรปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ และทุกครั้งพรรคนี้จะต้องไม่พอใจผู้ที่ออกมาติดติงนั้นและจะผลักใสให้เป็นฝ่ายตรงข้ามทันทีเลย
การเลือกนายอภิสิทธิ์กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้งนั้นเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า พรรคนี้ไม่คิดจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้นแน่นอน
ยังรักที่จะเล่นการเมืองแบบโบราณน้ำเน่าเช่นเดิมต่อไป เพราะว่ายังลำพองตัวอยู่ว่าทุกวันนี้ก็ยังมีคนรักและศรัทธาพรรคอยู่
แต่หารู้ไม่ว่า คนที่ยังรักและยังศรัทธามีเหลือน้อยลงไปทุกวันกลุ่มที่ยังเลือกที่จะรักนั้นเป็นกลุ่มเฉพาะนะครับ เหมือนกลุ่มที่ชอบติดตามดูหนังน้ำเน่าช่อง 3 และช่อง 7 นั่นหละครับ รู้ทั้งรู้ว่าหนังเรื่องนี้ "ไร้สาระ,ไร้คุณภาพ"แต่ยังรอที่จะดูอยู่อีก
ยิ่งเห็นแต่ละคนยังวนเวียนอยู่กับทักษิณไม่เลิกอีกต่างหาก พวกนี้เหมือน"เป็นพวกคลั่งทักษิณ"นะครับ ไม่ว่าอะไรต้องทักษิณเอาไว้ก่อน ถ้ายังคิดกันได้แบบนี้คงไม่มีทางได้เป็นรัฐบาลอีกครั้งหรอกครับ
ถึงอนาคตไม่มีทักษิณพรรคนี้ก็แพ้พรรคอื่นๆอยู่ดีหละครับ
จะหวังตัวช่วยเดิมๆ มาใช้วิธีการแย่งอำนาจแบบดื้อๆอีกครั้งก็ไม่น่าเป็นไปได้แล้วครับ เพราะเวลานี้ฝ่าย"ประชาชน"รู้ทันแล้วและมีการรวมพลังกันอย่างแข็งแกร่ง ที่จะปกป้องรัฐบาลของประชาชนไว้
รัฐบาลชุดนี้ถ้าจะมีอันเป็นไปก็ขอให้ไปตามแนวทางของประชาธิปไตยครับอย่าใช้วิธีเดิมๆอีกต่อไปเลยครับ