การนำผลวิจัยกรณีพรรคประชาธิปัตย์ พ่ายแพ้การเลือกตั้งต่อพรรคเพื่อไทยอย่างหมอบราบคาบแก้ว ของประธาน สส.พรรคประชาธิปัตย์ คุณหญิงกัลยา โสภณพานิช ที่จริงก็คือความขัดแย้งที่ยังครุกรุ่นกันอยู่ในประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นความขัดแย้งกันเองภายใน..ภาษามวย(?)เรียกว่าฟัดกันเอง
หลักๆก็คงเรื่องตำแหน่งในพรรค ที่ขณะนี้ประชาธิปัตย์ในยุคนายอภิสิทธิ์คนรุ่นใหม่ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค ได้นำเอาเด็กๆรุ่นเดียวกันขึ้นมา กร่างจนเต็มพรรค ไม่เห็นหัวผู้หลักผู้ใหญ่แม้แต่น้อย โดยนำผู้ใหญ่ทั้งหลายบูชาไว้บนหิ้ง แล้วไม่ยอมทำบันไดให้ไต่ลงมาเดินเที่ยวบ้างเลย ..ทำให้ผู้ใหญ่โกรธ
จึงเกิดยุทธการ ฉีกหน้าให้สาใจ คือการนำผลวิจัยที่ลงทุนไปจ้างบริษัทเอกชนทำวิจัยในสิ่งที่คุณหญิงกัลยาก็เชื่ออยู่แล้วว่าผลวิจัยจะออกมาเป็นเช่นนี้ โดยที่คุณหญิงไม่จำเป็นต้องลงมือเป็นผู้กำหนด ผลวิจัยด้วยตัวเอง..อาจเกินความคาดหมายของคุณหญิงเสียด้วยซ้ำ
ผลวิจัยชิ้นนี้ เป็นผลวิจัยที่แท้จริง เที่ยงตรง เพราะเป็นผลวิจัยที่พรรคทำขึ้นเอง จึงสามารถตอบโจทย์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีนายอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้า นายสุเทพเป็นเลขาฯได้อย่างหมดจดงดงาม..ไร้ข้อกังขา
หากย้อนไปในช่วงการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ขณะนั้น ได้มีโพลสำนักต่างๆออกมาเป็นรายวัน สำรวจคะแนนระหว่างเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ ผลปรากฏว่าไม่ว่าจะโพลสำนักไหน ตำหนักใด ก็ให้การเป็นเสียงเดียวกันว่าเพื่อไทยยังไงก็ชนะประชาธิปัตย์แบบ นอนมา ชนิดไม่จำเป็นต้องมี 4 คนหาม 3 คนแห่ มีแตรนำหน้า มีพระมาสวด ..จำได้มั๊ยครับ
ในตอนนั้น ก็คุณหญิงกัลยานี่แหละ ในฐานะผู้อาวุโสในพรรคได้ออกมาบอกกับนายอภิสิทธิ์ว่า ที่พรรคไม่ได้รับความนิยมจากประชาชน เพราะประชาชนเห็นว่าพรรคไม่ ติดดิน ฉะนั้นพรรคควรปรับยุทธศาสตร์การหาเสียง เพื่อตีตื้นเพื่อไทย...อย่างนี้
ก็จึงได้เห็นนายอภิสิทธิ์ไปถอนกล้า ดำนา ปีนต้นมะพร้าวแทนลิงปะกิต เก็บเงาะ ขนุน น้อยหน่า พุทรา มังคุด ละมุด ทุเรียนหมอนทอง รวมถึงผัดข้าวผัดและชงกาแฟ..ก็ดูเหมือนจะเชื่อ
แต่จริงๆแล้ว อภิสิทธิ์ไม่ได้ทำเต็มร้อย ด้วยใจที่ไม่ยอมรับความเห็น เพราะความที่เป็นคนมีอีโก้ และซูเปอร์อีโก้สูงมาก จึงทำแต่พองามแบบขอไปที ให้ดูว่าทำ ไม่อยากขัดใจ ป้า..รำคาญ !
หลังเลือกตั้ง ปรากฏว่าประชาธิปัตย์พ่ายแบบรูดมหาราช จึงมีอาการคล้ายพรรคจะแตก เพราะผู้อาวุโสทั้งหลายคงต่างถล่มนายอภิสิทธิ์แบบไม่มีชิ้นดี หนึ่งในนั้นก็คงมี ป้ากัลยาร่วมถล่มอยู่ด้วย ซึ่งได้เห็นนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ คู่หูคู่ฮาประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคและเลขาฯพรรคอย่างรวดเร็วใน 2 วันทำการ..ไปก็ได้วะ!
แต่ช็อตเด็ด ชนิดแค้นฝังหุ่นของคุณหญิงกัลยาไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่อยู่ที่เมื่อจะมีการเลือกเลขาธิการพรรคแทนนายสุเทพ ได้มีหลายคนสมัครชิงตำแหน่ง แล้วก็อีกแหละครับท่าน หนึ่งในจำนวนนั้น ก็มี ป้ากัลยาของนายอภิสิทธิ์ รวมอยู่ด้วย..ป้ามาแว้ววววว!
ในการเลือกเลขาฯ ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงคุณสมบัติ ความเหมาะสม ความใจถึงพึ่งได้ ความร่ำรวย ความทันสมัย ทันโลก ทันข่าวสาร บารมีในพรรค นอกพรรค รวม เหนือพรรคถึงใต้พรรคจิปาถะ เพื่อให้ได้คนที่เหมาะสมที่สุด ..ที่สำคัญต้องพูดขาวให้เป็นดำได้
คุณหญิงกัลยาก็ถูกคนในพรรควิจารณ์ถึงความเหมาะสมด้วยเหมือนกัน จำไม่ได้ว่าคนที่วิจารณ์คุณหญิงนั้นเป็นตัวนายสุเทพเอง หรือเป็นลูกน้องกลุ่มนายสุเทพบอกว่า คุณหญิงเอง คุณสมบัติเหมาะสม ครบถ้วนทุกประการ แต่เสียอย่างเดียว แก่ไปหน่อย เท่านั้นเอง ..แม่มปากพาซวยแท้ๆ !
กรี๊ด กรี๊ด แล้วก็กรี๊ด ! เหมือนโลกถล่ม ดินทลาย ฟ้าผ่ากลางพรรคประชาธิปัตย์ เหตุผลเป็นร้อยเป็นพันที่จะเอามาอ้าง เฉือกไม่พูด ดันเอาเรื่อง ความแก่มาพูด รู้ก็รู้ว่าผู้หญิงทั้งโลกแม้จะแก่แค่ไหน ก็ไม่อยากให้ใครมาตราหน้าว่า แก่ ซึ่งเป็นความจริงที่รับไม่ได้ ถ้ามาพูดอย่างนี้ มันก็อยู่ร่วมกันไม่ได้ เมื่ออยู่กันไม่ได้ ก็อย่าอยู่กันเลย ..เอาคำพูดประยุทธ์มาใช้ทันที
การทำวิจัยครั้งนี้ เข้าใจว่าพรรคไม่จำเป็นต้องออกเงินสักบาท คงเป็นเงินส่วนตัวล้วนๆของคุณหญิงกัลยาเอง ที่ควักจากกระเป๋าจ่ายค่าวิจัยให้บริษัทเอกชน ชนิดเท่าไหร่ไม่อั้น เพื่อสั่งสอนอภิสิทธิ์และนายสุเทพ แบบตัดญาติขาดอีโต้ ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ..เห็นฤทธิ์ยายแก่รึยัง หื๋อม์ !
ผลวิจัยที่ออกมา แม้จะเป็นเรื่องที่พวกเรารู้ๆกันอยู่แล้ว เพราะพวกเราก็พูดกันมาตลอดว่า พรรคประชาธิปัตย์ทำงานไม่เป็น เชื่องช้า ดีแต่พูด ไม่ติดดิน เพราะเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ก็ทำให้เป็นการเน้นย้ำถึงความจริงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นอยู่ อย่างมีหลักเกณฑ์และหลักการ ..เป็นวิชาการ
ถึงแม้จะเป็นการ ดิสเครดิสกันในพรรคประชาธิปัตย์ แต่ถ้านายอภิสิทธิ์ หรือกรรมการบริหารพรรคหยิบเอามาพิเคราะห์ แล้วเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์กับพรรคก็น่าจะเป็นการดี มิใช่ออกมาแถแบบนายอภิสิทธิ์ว่า ให้ไปถามคนที่รักพรรคประชาธิปัตย์บ้าง ..ไม่สร้างสรรค์
ยังมีอีกหลายเรื่อง ที่เป็นข้อเสียของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยังไม่ได้ทำวิจัยออกมาเป็นเชิงวิชาการ ซึ่งเราพูดๆกันอยู่ทุกวัน เช่น การโกหกเป็นนิจ, วนเวียนซ้ำซาก, ดีแต่พูด, ชอบใส่ร้ายผู้อื่น,ชอบอ้างอิงสถาบัน ฯลฯเหล่านี้ หากใครมีงบทำวิจัย ก็ช่วยควักกระเป๋าทำวิจัยให้เขาหน่อย...เผื่อจะได้เลิกหน้าด้านเสียที !!!
...เห็นฤทธิ์ยายแก่รึยัง ?...
