เมื่อหนีไม่ออก ก็ต้องหลอกกันซึ่งหน้า..กรณี MOU 44.. ทักษิณ สั่ง สุรเกียรติ เฉือนเกาะกูดให้เขมร
|
 |
ไม่เชื่อ ก็ต้องเชื่อกันล่ะครับว่า ทั้งนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และนายชวนนท์ จะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้..นอกจากจะชี้แจงกรณีการเจรจาลับกับทางกัมพูชา ไม่ชัดเจน และคลุมเครือ เหมือนการให้การภาคเสธไปแล้ว..
มาวันนี้ ยังมาป้ายสี โยนขี้ให้ชาวบ้านเขาอีก..ไม่ทราบว่ามีเจตนาบิดเบือน หรือเลี่ยงความสนใจ ให้ผู้คนสับสนหนักเข้าไปอีก..กรณีปูดข่าวว่า สมัย "พ.ต.ท.ทักษิณ" เป็นนายกฯ ได้สั่งให้คุณสุรเกียรติ เสถียรไทย รมว.กต ในสมัยนั้น ยอมยกเกาะกูดซึ่งเป็นดินแดนของไทยให้กัมพูชาเพื่อแลกกับผลประโยชน์พลังงานทางทะเล..
เริ่มจากนายอภิสิทธิ์ โบ้ยให้ไปดู MOU 44 เอาเองว่าอดีตนายกฯ ทักษิณไปทำอะไรไว้..พอวันถัดมา นายชวนนท์ โฆกษกพรรคฯ ก็ท้าด้วยการแฉ คุณทักษิณ กับคุณสุรเกียรติ ว่าทำในสิ่งที่ชั่วร้าย ด้วยการยกดินแดนเพื่อแลกกับผลประโยชน์ฯ โดยนายสุเทพ ก็เด้งออกมารับลูก เหมือนที่เตี้ยมกันไว้ อย่างไง อย่างนั้น..
ปัญหามันอยู่ที่ว่า เรื่องที่ 3หน่อไม้ดอง ออกมาแฉนั้นมันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ และถ้าจริงทำไมถึงเก็บเงียบไว้ หรือหวังแบล๊คเมล์ภายหลัง..แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงพวกคุณจะรับผิดชอบคำพูดของพวกคุณอย่างไร..?
ผมขอคัดบันทึกของนายสุรเกียรติ เสถียรไทย ที่พูดถึงMOU 44 ที่คัดย่อมาจากมติชน ออนไลน์วันนี้ เพื่อให้ทุกคนรับทราบว่าใครพูดจริง ใครพูดเท็จซ้ำซาก..
..การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสระหว่างไทยกัมพูชา มีขึ้นที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2544 นำไปสู่การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ ว่าด้วยพื้นที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (Memorandum of Understanding between the Royal Thai Government and the Royal Government of Cambodia regarding the Area of their Overlapping Maritime Claims to the Continental Shelf) เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2544
นายสุรเกียรติ์ เขียนในหนังสือเล่มดังกล่าว ระบุว่า เอ็มโอยู ฉบับนี้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศไทยในหลายประการ
1.การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางด้านเทคนิค มีอำนาจหน้าที่เจรจาเพื่อยกร่างความตกลงเกี่ยวกับการสำรวจขุดเจาะทรัพยากรธรรมชาติ (น้ำมันและก๊าซ) ในเขตพื้นที่พัฒนาร่วม และยกร่างความตกลงเกี่ยวกับการปักปันเส้นเขตทะเล ทั้งนี้ การมีคณะกรรมการร่วมทางด้านเทคนิคจะทำให้ฝ่ายไทยทราบถึงจุดยืนต่างๆ ของฝ่ายกัมพูชาอย่างชัดเจน ทั้งด้านกฎหมายและการแบ่งผลประโยชน์เหนือน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เพื่อจะให้ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายไทยทุกหน่วยงานร่วมกันวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งถึงแนวทางร่วมมือระหว่างกันอย่างเหมาะสม
2.เอ็มโอยู ปี 2544 ช่วยกันลดความสุ่มเสี่ยงด้านความขัดแย้งผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล และลดผลกระทบด้านสัมพันธภาพระหว่างทั้งสองประเทศ เพราะจะเป็นการแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี
3.บันทึกความเข้าใจฯแม้ยังไม่มีผลผูกพันทั้งสองประเทศเกี่ยวกับเส้นเขตทางทะเล แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ถือเป็นหลักแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลกัมพูชายอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูดและยังยอมรับอธิปไตยของไทยเหนือทะเลอาณาเขตรอบๆ เกาะกูดอีกด้วย
4.เอ็มโอยูฉบับนี้ยังมีสถานะเป็นสนธิสัญญาตามอนุสัญญากรุงเวียนนา ว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา พ.ศ.2512 และนับเป็นความสำเร็จของรัฐบาลไทยที่สามารถเจรจาให้รัฐบาลกัมพูชายอมรับอย่างเป็นทางการ และเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นครั้งแรก
5.เอ็มโอยูปี 2544 ยังนำไปสู่การเจรจาแนวทางการพัฒนาร่วมกันและการแบ่งปันผลประโยชน์ในทรัพยากรปิโตรเลียมเหนือพื้นที่พัฒนาร่วม หากเจรจาได้ข้อยุติโดยเร็ว ฝ่ายไทยจะได้รับผลประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากไทยมีความต้องการด้านพลังงานและปริมาณพลังงานสำรอง อีกทั้งยังมีความพร้อมด้านการลงทุนการสำรวจขุดเจาะปิโตรเลียม มีบริษัทสำรวจและผลิตเป็นของตนเองอีกด้วย..
นั่นเป็นที่มาที่ไปและข้อดีของเอ็มโอยู ปี 2544 ที่นายสุรเกียรติ์ บันทึกไว้ ส่วนฉบับเต็มคลิกที่ลิงค์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1315026252&grpid=01&catid=&subcatid=
มีตรงไหนบ้างครับ..ที่ระบุว่ายก หรือเฉือน อ.เกาะกูด จ.ตราด ให้กับกัมพูชา..ยิ่งแผนที่ประกอบบันทึกดังกล่าว ก็ดันสอดคล้องกับแผนที่ ที่คุณอาณิก อัมระนันท์ สส.ปชป.ที่ยกมาอภิปรายในสภาฯวันอภิปรายนโยบายนั่นแหละครับ..
และถ้าบันทึกที่ว่าเป็นจริง กับ รายละเอียดของบันทึก MOU 44 มีสาระสำคัญดังที่เปิดเผยมา ( ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องลับอะไร ) ..ไม่บิดเบือน ผมก็ไม่ทราบว่า ทั้ง 3 หน่อไม้จะเอาหลักฐานอะไรมาหักล้างคำกล่าวหาที่พวกตนไปใส่ความคนอื่นเขา และมิพากันขายหน้าไปทั้งประเทศหรือครับ..หรือว่ายังมีหน้าพอเหลือที่จะขายอีก..?
ผมจึงไม่แปลกหรอกที่ทำไมปชป.ถึงได้ตกต่ำลงทุกวันๆ..ก็เล่นการเมืองแบบลับๆล่อๆไม่เปิดเผย ไม่พูด และ ไม่ยอมรับความจริง อวัยวะส่วนไหนเป็นเนื้อร้ายก็ไม่ยอมสละทิ้ง มัวแต่หวงแต่ห่วงอยู่นั่นแหละ..สุดท้ายเนื้อร้ายก็จะกินลามไปทั้งตัว..กลายเป็นคนง่อยเปลี้ย เสียขาไปซะฉิบ..
พวกคุณอาจจะโกหกคนหลายคนในเวลาที่ต่างกันได้ แต่คุณไม่สามารถโกหกคนทุกคนในเวลาเดียวกันได้..ที่สำคัญหากคนเราทำดีจริง คงไม่ต้องโกหกใคร เพราะความดี สามารถเปิดเผยได้ กล่าวถึงได้ ไม่ต้องปิดบังใคร..แต่สงสัยว่าพวกคุณยอมรับสัจจะธรรม ข้อนี้ได้หรือไม่ล่ะ ?
หรือคิดได้แต่เพียงว่า มันก็แท็กติคทางการเมืองเท่านั้นจับไม่ได้ไล่ไม่ทันเดี๋ยวคนก็ลืมกันไปเอง..เพราะคนไทยลืมง่าย ?
หมายเหตุ :
คำให้สัมภาษณ์ของนายสุเทพ http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9540000111536
คำแถลงโต้ของนายชวนนท์ http://www.thairath.co.th/content/pol/198892
จากคุณ |
:
แมวน้ำสีคราม
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ก.ย. 54 17:29:02
A:180.180.90.129 X:
|
|
|
|