ธปท. จากเดิมปี 52 ส่วนทุนติดลบ 81,758 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 431,828 ล้านบาท

หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 350,000 ล้านบาท (สามแสนห้าหมื่นล้านบาท) สาเหตุหลักมาจาก

1. เงินสำรองอันเกิดจากการตีราคาสินทรัพย์และหนี้สิน
ติดลบเพิ่มขึ้นจาก 27,613 ล้านบาทในปี 52 เป็น 260,211 ล้านบาทในปี 53 หรือติดลบเพิ่มขึ้นประมาณ 233,000 ล้านบาท

เมื่อดูหมายเหตุประกอบงบเพื่อดูรายละเอียดจะพบว่าเป็นการขาดทุนจากการตีราคาสินทรัพย์และหนี้สินที่เป็นเงินตราต่างประเทศที่ติดลบเพิ่มขึ้นจากปี 52 ประมาณ 236,000 ล้านบาท

2. ขาดทุนสุทธิของปี 53 ประมาณ 117,473 ล้านบาท

เมื่อดูรายละเอียดจะพบว่าเกิดจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 103,805 ล้านบาท และส่วนต่างดอกเบี้ยรับและจ่ายอีกประมาณ 20,000 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่าการที่ส่วนทุนในงบดุลของธปท.ติดลบถึงสี่แสนกว่าล้านบาทมาจากการขาดทุนทางบัญชีอันเนื่องมาจากการตีราคาทรัพย์สินในต่างประเทศและเงินตราต่างประเทศเป็นหลัก (ก็เงินดอลล่าร์อ่อนลงจากมาตราการ QE 1 & 2 รวมทั้งการตกลงอย่างหนักของเงินยูโร)

เมื่อรวมตัวเลขสองตัวนี้ 233,000 ล้านบาท + 103,805 ล้านบาท รวมแล้วการขาดทุนทางบัญชีจากความเกี่ยวเนื่องกับอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 340,000 ล้านบาท เมื่อตัดส่วนนี้ออกไปจะพบว่าส่วนทุนติดลบจะเพิ่มขึ้นเพียง 10,000 ล้านบาท

คิดเอาเองแล้วกันครับว่าคนพูดว่าปี 53 ธปท. ขาดทุนสี่แสนกว่าล้าน มีเจตนาอะไร

รายงานประจำปี 53 ของ ธปท. เข้าไปดูได้ที่
http://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/Report/DocLib_/53.pdf

นำมาจาก MGR ครับ