อัมมาร ทีดีอาร์ไอ แค้นฝังหุ่นชินวัตร
|
 |
โพสต์ทูเดย์ ทักษิณ ศอกกลับ ทีดีอาร์ไอ ใช้ตำราเศรษฐศาสตร์คนละเล่ม เดินหน้าเมกะ โปรเจ็กต์-บาร์เตอร์เทรด คุยต่างชาติจับตาไทยคลื่นลูกใหม่เอเชีย
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ เตือนรัฐบาลให้ยึดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงและให้ระวังการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจ็กต์) เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจว่า มุมมองของทีดีอาร์ไอกับรัฐบาลต่างกัน รัฐบาลจึงไม่ค่อยใช้ทีดีอาร์ไอ แต่เรื่องของแนวคิดมีความหลากหลายซึ่งก็ต้องฟัง แต่ฟังแล้วไม่จำเป็นต้องเชื่อตามนั้น
คนทำงานยังไม่ตกใจเลยเพราะเขารู้ว่าไม่มีปัญหาหรอก เราเกลี่ยตัวเลขหมดแล้วไม่มีอะไรที่น่าหนักใจ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทีดีอาร์ไอจะรู้เรื่องได้อย่างไรเมื่อไม่ใช่รัฐบาล ส่วนตัวคิดว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจคงไม่ต่ำกว่า 4.5% ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ คิดว่า 4.7% แต่การขาดดุลเกิดขึ้นเพราะน้ำมันอย่างเดียวแพงกว่าปีที่แล้ว 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่คิดว่าปีนี้ จะขาดดุลอยู่ประมาณ 2% ของเศรษฐกิจเท่านั้น ปีหน้าไม่น่าจะมีปัญหา เรารู้ว่าอะไรที่เป็นตัวเสี่ยงเราก็แก้ มีเวลาทำงานตั้งปี ไม่ใช่นอนรอโชคชะตา
สำหรับกรณีที่ทีดีอาร์ไอไม่เห็นด้วยกับนโยบายบาร์เตอร์เทรด เพราะจะไม่ได้ของที่ดีที่สุดเข้ามา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แล้วเราจะเพิ่มตลาดและแก้ปัญหาความยากจนได้อย่างไร แนวคิดของ ทีดีอาร์ไอนั้นเป็นแนวคิดที่เรียกว่าโมเดลแบบเอเชียตะวันออก เน้นเรื่องการส่งออกเป็นหลัก ถือเป็นการมองมุมเดียว ถูกครึ่งเดียว ซึ่งมันไม่พอจึงจะต้องมาใช้แนวคิดแบบมองหลายๆ ทางหรือแบบคู่ขนาน โดยเน้นเศรษฐกิจภายในประเทศ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ได้คุยกับ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจบางคนบอกว่าเอเชียข้างหน้าต้องมองที่ STICK ซึ่งหมายถึง สิงคโปร์ ไทย อินเดีย จีน และเกาหลี นี่คือเอเชียที่จะเติบโต ในอนาคต แต่สื่อมวลชนบางฉบับกลับใช้คำว่าเศรษฐกิจที่มีโชค (Luckiest Economy)
ผมไม่เข้าใจการใช้คำพูดแบบนี้ แทนที่จะเข้าปีใหม่แล้วจะให้กำลังใจคนเพื่อเตรียมที่จะสู้เพื่อชีวิตให้ดีขึ้น แต่นี่ทำให้เหี่ยว? พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
////////////////////////////
เมื่อก่อนทีดีอาร์ไอ ซึ่งเป็นแหล่งร่วมนักวิชาการหอคอยงาช้างของอำมาตย์ มีปากมีเสียงคอยกำหนดทิศทางตำหนิ ติติง การทำงานของรัฐบาล ในฐานะ กูรู้
พอทักษิณเข้ามา ทักษิณมองว่าเป็นสำนักเศรษฐศาสตร์แบบล้าสมัย (OLD SCHOOL) จึงไม่ค่อยเชื่อถือ ไม่ค่อยฟัง และบางทีก็เหน็บกลับเอาแรงๆ อย่างข่าวที่ยกมาแปะข้างต้น
ในปีนั้นทีดีอาร์ไอ ออกมาเตือนรัฐบาลว่าควรชะลอการลงทุนต่างๆ พร้อมทั้งคัดค้านการค้าขายแบบบาร์เตอร์เทรด (ก็แหงละ คอมมิชชั่นไม่ได้นี่นา) แถมบอกว่าเศรษฐกิจจะเติบโตน้อยกว่าที่รัฐบาลและสภาพัฒน์ตั้งไว้คือ ประมาณ 4.5 - 4.7
แต่ทักษิณไม่เชื่อและเดินหน้าทำตามนโยบายที่กำหนด ผลปรากฏว่าปีนั้นเศรษฐกิจก็โตเกินเป้า ทีดีอาร์ไอก็หน้าแหกไปตามระเบียบ
ทักษิณก็ไม่เคยให้เครดิตอะไรกับทีดีอาร์ไออีกเลย นี่น่าจะเป็นเรื่องแค้นฝังหุ่น
ประธานทีดีอาร์ไอจากวันนั้นถึงวันนี้ก็ยังเป็นนายอัมมาร สยามวาลา เหมือนเดิม
ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับที่ทีดีอาร์ไอจะออกมาเล่นบทนี้
ก็แค่ฝ่ายแค้น ของคนตกโลก อยู่ในโลกเก่าๆ เมื่อยี่สิบ สามสิบปีที่แล้วนั่นเอง
////////////////////////
ปล.อยากอ่านข่าวเก่าๆ ก็เสิร์ชในกูเกิ้ลครับ แค่พิมพ์ว่า ทีดีอาร์ไอ + ทักษิณ แล้วจะเห็นพฤติกรรมขององค์กรเต่าล้านปีนี้ได้เป็นอย่างดี
จากคุณ |
:
ธุดงค์ผ่านมา
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ก.ย. 54 19:12:29
A:124.121.250.217 X:
|
|
|
|