หลังจากปล่อยให้เด็กอ่อนอาวุโสคุณวุฒิทางการเมืองเป็นผู้นำพรรคได้ 3 ปี ด้านลบของพรรคก็ผุดโผล่ออกมาทิ่มตาประชาชนมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็น "ตอ" ที่ฉุดกระชากลากพรรคให้ตกต่ำลงอย่างไม่น่าเชื่อ
"ตอ" ในพรรคประชาธิปัตย์ที่ขยันผุดโผล่ออกมาในช่วงนี้ ก็ไม่ได้เกิดจากฝ่ายตรงข้ามแอบนำไปปักทิ่มใส่ไว้ในพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด(เหมือนการแอบไปเจรจาลับกับเขมรเรื่องผลประโยชน์พลังงานดังที่เป็นข่าวอยู่ตอนนี้) แต่เป็น "ตอ" ที่คนประชาธิปัตย์ขยันปลูกให้แข่งกันขึ้นราวกับดอกเห็ดสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เรืองอำนาจ พออำนาจลดต่ำลง "ตอ" ก็โผล่สูงขึ้นมาให้เห็นเป็นธรรมดา
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กรณี ผลการวิจัยชุดที่คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประธานส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไปจ้างบริษัทเอกชนทำวิจัยถึงเหตุผลว่า "ทำไมปชป.ถึงแพ้การเลือกตั้งให้กับพรรคเพื่อไทย" โดยมีการเปรียบเทียบทั้งตัวพรรค และตัวผู้นำ ระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับทั้งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ซึ่งผลปรากฏว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า สาเหตุที่ประชาธิปัตย์แพ้มี 3 เหตุผลสำคัญ ประกอบด้วย
1.เชื่องช้า ไม่กล้าตัดสินใจ
2.บริหารงานไม่เป็น
และ 3.ไม่ติดดินไม่ใกล้ชิดประชาชน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผลสำรวจที่ปรากฏออกมาสู่สายตาประชาชนคนไทย ไม่ใช่สิ่งแปลกประหลาดชวนตื่นเต้นตกใจ
เพราะคนไทยส่วนใหญ่ได้ทำการตัดสินพรรคประชาธิปัตย์ไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. 2554
สิ่งที่ผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะผู้บริหารรุ่นนายอภิสิทธิ์ ควรตระหนักให้ดีคือ "ผลการวิจัยถึงความพ่ายแพ้การเลือกตั้งของพรรคฯ รวมทั้งปฏิกริยาในที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์" ได้ถูกนำออกมาเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบได้อย่างไร? ถ้าไม่ใช่จากคนใน
อยากเรียนให้ผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์รับทราบด้วยว่า
ประชาชนไม่ได้ต้องการผู้นำที่ติดดินใกล้ชิดประชาชนเท่านั้น แต่ต้องการผู้นำด้านบริหารที่ทำงานได้ติดใจประชาชนด้วย จึงจะชนะเลือกตั้ง
เพราะต่อให้นายอภิสิทธิ์หัวหน้าพรรคฯ ไปเดินเบียดไหล่ใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนทุกชุมชน ทุกท้องตลาด จะลุยน้ำลุยนาเปื้อนดินเปื้อนโคลนขนาดไหน แต่ถ้าทำงานไม่ได้เรื่อง ดีแต่สร้างภาพไปวันๆ ก็ไม่มีทางเอาชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้อย่างแน่นอน
ที่ผ่านมา 2 ปี นอกจาก "ผลงานจะไม่ติดใจประชาชนแล้ว ความผิดต่างๆ ยังฝังใจประชาชนไม่รู้ลืม โดยเฉพาะ 91 ศพ ที่ยังรอทวงถามความยุติธรรมอยู่ทุกคืนวัน"
จากแรงกระเพื่อมในพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนี้
ชี้ให้เห็นว่า นอกจากประชาชนส่วนใหญ่จะไม่เอาพรรคประชาธิปัตย์แล้ว คนในพรรคประชาธิปัตย์ส่วนหนึ่งก็ไม่เอาผู้บริหารชุดอภิสิทธิ์เช่นเดียวกัน เพียงแต่แรงหนุนของคนไม่เอาอภิสิทธิ์ยังไม่แรงพอที่จะผลักดันให้คนอื่นขึ้นมาบริหารพรรคในตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทนนายอภิสิทธิ์ได้
หรืออีกนัยหนึ่ง "นายอภิสิทธิ์ อาจจะยังช้ำไม่มากพอที่จะปลดระวางตัวเองลง จึงฝืนเล่นการเมืองต่อไป"
หรือบางที คำว่า "ดีแต่พูด" อาจจะ ยังน้อยเกินไป