
ไม่ติดใจครับ เรื่อง 5 : 4 เสียง ที่ตัดสินจำคุกทักษิณสองปี เมื่อกฎเกณฑ์มีว่าตัดสินด้วยเสียงข้างมาก
ก็เสียงข้างมากไป จะห้าสี่ หกสาม เจ็ดสอง แปดหนึ่ง หรือเก้าศูนย์ ก็ตามใจ
แต่คาใจเรื่อง "รู้เห็นเป็นใจ" ระหว่างทักษิณ กับ พจมาน
คือคำพิพากษาบอกว่า ทักษิณไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของพจมาน
แต่เพราะทักษิณเป็นนายกฯ ไปลงนามยินยอมให้พจมานทำนิติกรรมซื้อขาย
ฉะนั้น ทักษิณและพจมานต้องนำหลักฐานมายืนยันว่า ทักษิณไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ถ้ามีหลักฐานมายืนยันได้ทักษิณก็ไม่ผิด
แต่เพราะทักษิณและพจมานไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันได้ จึงตัดสินว่าผิด
มึนครับ
ก็เลยคาใจว่า
ที่คำพิพากษาออกมาแบบนี้ เพราะถ้าศาลบอกว่าทักษิณมีส่วนรู้เห็นด้วย มันจะทำให้พจมานผิดด้วยใช่ไหม
เมื่อไม่อยากเอาโทษพจมาน ก็เลยต้องบอกว่าทักษิณไม่รุ้ไม่เห็น
แต่ทีนี้ เมื่อทักษิณไม่รู้ไม่เห็น แล้วจะเอาผิดทักษิณยังไง ก็ต้องเอาผิดว่าต้องหาหลักฐานมายืนยันสิ
มายืนยันว่าทักษิณไม่รู้ไม่เห็น เมื่อหาหลักฐานมายืนยันไม่ได้ ทักษิณก็ต้องผิด
ผิดเพราะ "รู้เห็น" ด้วยการให้บัตรประจำตัวนายกฯ และลงนามยินยอมให้พจมานทำนิติกรรมซื้อขาย
มึนครับ
จริง ๆ ครับ อ่านคำพิพากษาแล้วมึน เหมือนอ่านเรื่องสั้นขนาดยาวยังไงยังงั้น
มีหักมุมบางช่วง สร้างเงื่อนไขบางตอน แล้วจบแบบเนียน ๆ แต่ไม่นวลเอาซะเลย
จบดีกั่ว
