
จาก 19 ก.ย. 2549 ที่ปฏิวัติด้วยกำลังทหาร
แล้วตามด้วยกระบวนการตุลาการวิบัติ เพื่อกำจัดและทำลายล้างศัตรูทางการเมือง
แต่ยังไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด
การเลือกตั้ง 2550 ก็ยังแพ้อีก
2551 จึงมีการปฏิวัติด้วยกฎหมาย โดยการใช้ "คำตัดสิน" เป็นเครื่องมือ และดำเนินต่อเนื่องมาในเรื่องต่าง ๆ
ชนิดที่คำว่า "สองมาตรฐาน" กระหึ่มเมือง
2554 ก็ยังแพ้เลือกตั้งอีกอย่างหมดรูป
ซึ่งแน่นอน มันก็ต้องปฏิวัติล้มล้างกันอีก
จะใช้วิธีไหนล่ะ กำลังทหารก็เชยเกินไปแล้ว ไม่ไหวแน่ แต่ถ้าจะใช้กฎหมายอีกครั้งมันก็ยากยิ่ง
เพราะกระแสสังคมไม่รับและรับไม่ได้แล้ว
ก็เลยต้องหันมาใช้ "สื่อ"
เป็นวิธีการโบราณครับ แต่มันมักใช้ได้ผลในสังคมความเชื่อสำคัญกว่าความรู้
โปรดสังเกตสภาวะต่าง ๆ ในบ้านเมือง
พรรคการเมืองรวนเร วิ่งวุ่น ข้าราชการต้องเลือกข้าง กระบวนการยุติธรรมเละเทะ
และตอนนี้ สื่อกำลังจะเละเทะเป็นรายการต่อไป
แล้วบทสรุปจะเป็นอย่างไร
อ่านไม่ยากครับ บทสรุปก็คือ เมื่อใช้สื่อปูทางไปสักระยะ มันก็จะเป็นลีลามูนวอล์คเกอร์
คือ สื่อ ตุลาการ กำลัง เป็นมูนวอล์คเกอร์ที่ย้อนวนกลับไปสู่ 19 ก.ย. 2549
ซึ่งนั่นก็คือ การกวาดล้างอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะเห็นแล้วว่าใช้แนวทางประชาธิปไตยไม่ได้ผล
เลือกตั้งทีไรก็แพ้เสียงข้างมากทุกที ทั้ง ๆ ที่ทำทุกวิธีแล้ว
มันจึงต้องใช้กำลังอย่างเคย ก็มาเฟียน่ะ มันคิดอะไรได้เกินกว่าการใช้กำลัง
จะคิดดีแค่ไหน วางแผนเท่าใด สุดท้ายมันก็คือวิถีของมาเฟีย คือขมวดเข้าสู่โหมดใช้กำลัง
โปรดสังเกตการเจตนา "บิดเบือน" ของสื่อสำนักต่าง ๆ ในวันนี้ครับ หนักขึ้นกว่าปกติที่เคยเป็นมา
ไม่อาย ไม่คำนึงเกียรติแห่งสื่อ แต่มุ่งมั่นทำหน้าที่บิดเบือนเพื่อบรรลุเป้าหมายในการทำลายล้างเท่านั้น
ประธานาธิบดีอเมริการคนหนึ่ง ผมจำชื่อไม่ได้ กล่าวไว้ในทำนองว่า
บ้านเมืองนั้น หากไร้สื่อ คือไร้เสรีภาพ แต่หากมีสื่อ แล้วสื่อไร้เสรีภาพหรือรับใช้การเมือง เป็นเรื่องน่ากลัวยิ่งกว่าการไม่มีสื่อเสียอีก
