“กรณ์”จี้ 3 หมื่นล้าน ใช้ประโยชน์อื่นได้มากกว่ารถคันแรก ถามก.คลัง จะเก็บภาษีจากใคร ท้าความจริงใจ รัฐแก้ปัญหาคนจนผ่านกม.ภาษีที่ดิน...ไทยรัฐออนไลน์  14 กันยายน 2554, 18:05 น.  )

*********

กรณ์ รมว.คลังเง่า เอ๊ย เงา  เพิ่งตื่นหรือ ที่มาแนะนำเขา  ตอนเป็น รมว.คลัง ตัวเป็นๆ มีเวลาตั้ง 2 ปี 7 เดือน ทำไมไม่ผลักดันกฎหมาย เก็บภาษีที่ดิน  ภาษีมรดก มาเห่าหอนตอนนี้ ไม่มีประโยชน์

ใครไม่รู้ ฟังแล้วอาจเคลิบเคลิ้ม  เพราะฟังดูดี  แต่จริงๆแล้ว  น่าจะเสนออะไรที่ฉลาดกว่านี้

 กรณ์ คุณเป็นคนกรุงเทพ  ตลอดชีวิตคงไม่เคยออกต่างจังหวัด คิดอะไรมีแต่แคบๆ แค่ในกรุงเทพ  ไม่เคยมี ตจว.ในสมอง   จึงเสนอให้ไป ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า ใน กรุงเทพ แทน

นโยบายรถคันแรก  คนได้ประโยชน์ คือ คนไทยวัยทำงานที่อยากมีรถเก๋งคันเล็กๆขับ   ให้สิทธิ์แก่คนทั่วประเทศ  จากแม่ฮ่องสอน จรด นราธิวาส  แต่ที่คุณเสนอให้ เอาเงินไปช่วย ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้านั้น มันได้เฉพาะ คนกรุงเทพ

  ที่สำคัญ คนกรุงเทพ นั่งรถไฟฟ้าบนดิน+ใต้ดิน แค่ หนึ่งแสนคน จากประชากร กทม. 10  ล้าน นับว่า เป็นคนกรุงเทพหยิบมือเดียวที่ได้ประโยชน์  น้อยเหลือเกิน  รถไฟฟ้าใน กทม.สั้นมาก สั้นจุ๊ดจู๋   กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองเดียวในประเทศไทย ที่มีระบบรถไฟฟ้า ซึ่งประกอบด้วย 2 ระบบ คือ รถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT รวมความยาวทั้งสิ้น 106 กม. เท่านัน้  เอา 3หมื่นล้านมาทุ่มให้ คนแค่นี้นะ (รวมแอร์พอตลิ้งค์แล้ว)

 บอกตรงๆ  เปิดมาหลายปีแล้ว เคยนั่งรถไฟฟ้าแค่ 2-3 ครั้ง ไปลองนั่งเล่นๆ ตอนเปิดใหม่ๆ  ไม่ใช่เพราะ ไม่ผ่านแถวบ้านแต่เพราะ เรามียานพาหนะเอง บ้านและที่ทำงานก็มีที่จอดรถเหลือเฟือ  ชอบความสะดวกสบาย เปิดแอร์เย็นๆ ฟัง CD เพลงโปรด    ไม่ชอบรถไฟฟ้าเพราะ เร็วก็จริง  แต่คนคลั่กไปหมด  เบียดเสียด ยัดเยียด เหงื่อไหลไคลย้อย  เหม็นขี้เต่า แย่งกัน แบบไร้ระเบียบ แถม เส้นทางก็สั้นมากๆๆๆๆๆๆ นั่นไม่ใช้เหตุผล หรอก

แต่ที่คุณเสนอให้ เอาเงินไปช่วย ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้านั้น มันช่วยได้เฉพาะ คนกรุงเทพ เทียบกับ นโยบายรถเมล์ฟรี ของท่านนายกสมัครเริ่มไว้ ที่ วิ่งทั่ว กทม. ทุกย่านชุมชนสำคัญๆ มีหมด  ยังชัดเจนกว่า เพราะ ทั่วกรุงเทพจริงๆ นโยบายรถคันแรก  แม้จะมองว่าเอาใจกลุ่มคนชั้นกลาง แต่รัฐบาลนี้  ก็มีนโยบายอื่น สำหรับ คนจน รากหญ้า เกษตรกร คนชนบท อยู่ด้วย เช่น จำนำข้าวทั่วประเทศ    รถเมล์ฟรีใน กทม.  รถไฟฟรีทุกสายทั่วประเทศ  ใช้ไฟฟ้าฟรีทั่วประเทศ   นโยบายรัฐบาลนี้จึงค่อนข้างครอบคลุม ทุกกลุ่มชน หลากหลายเศรษฐฐานะ  

และ อีกประการหนึ่ง อย่าหาว่า สอนเด็กออกซฟอร์ดเลย  ตอนเรียน econ101 ไม่เคยรู้จักคำว่า multiplier รึไง   การที่ยอดขายรถยนต์+กะบะ เพิ่ม 5 แสนคัน  มันมี multiplier คือ ตัวทวี

สร้างการหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้นอีก หลายเท่า สมมุติว่า แค่ 10 เท่าก็พอ  ยอดขายเพิ่ม กระจายรายได้ไปรอบด้าน  ที่เกี่ยวกับรถยนต์ โดยตรงและโดยอ้อม 

โดยตรง    เช่น ผู้ผลิตอะไหล่  ยางรถยนต์(คนปลูกยางพาราก็พลอยดีด้วย) ได้อานิสงค์ 

เมื่อออกรถมาแล้ว ก็ต้อง  ติดฟิล์ม  ติดกันขโมย  ร้านประดับยนต์ก็ดีด้วย   เติมน้ำมัน  ล้างรถ  เปลี่ยนแบตเตอรี่  กระทั่ง น้ำหอมปรับอากาศ 

ด้านสถาบันการเงิน   ออกรถ 1 คัน ก็ต้องดาวน์ต้องผ่อน  ต้องทำประกัน  พวกไฟแนนซ์ พวกประกันภัยก็ได้เต็มๆ  หุ้นกลุ่มนี้เริ่มเด้งขึ้นแล้ว

ด้านบริการและท่องเที่ยว มีรถแล้ว  มักจะคัน  อยากพาลูกเล็ก  พาครอบครัว  หรือพาพ่อแก่แม่เฒ่าที่บ้าน ไปเที่ยวนอกบ้านบ้าง   ไปกินข้าวนอกบ้านบ้าง ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ท เล้กๆน้อยๆ ก็พลอยคึกคักไปด้วย  (จากเดิมไม่มีรถเอง  ไปไหนแต่ละทีต้องเช่ารถตู้ เหมาสองแถว หรือ นั่งรถทัวร์   ทำให้ไปเที่ยวได้ไม่บ่อย) 

ในแง่ครอบครัว  จากที่เคยนั่งรถเมล์พาลูกไปโรงเรียน เดี๋ยวนี้ พ่อแม่ลูกนั่งไปเก๋งคันเล็กๆไปส่งรับส่งลูก  ครอบครัวอบอุ่นขึ้น ไม่ดีเหรอ

ข้อเสีย ข้อด้อย  ก็ยอมรับว่ามีหลายอย่าง แน่ๆ คือ รถติด   import น้ำมันเพิ่มขึ้น  ขาดดุลการค้ามากขึ้น  อีกทั้ง    สร้างความฟุ้งเฟ้อให้คนที่ฐานะไม่ถึงแต่ซื้อรถมาใช้เกิดผ่อนไม่ไหวต้องตามไปยึดรถ  แต่เราจะปิดโอกาสคนเหล่านั้น มันจะไม่ใจดำไปหน่อยเหรอ ?

ยังไงๆ นโยบายรถคันแรก  ก็มีดีมากกว่าเสีย แน่นอน    GDP จะขยายตัว  นโยบายรถคันแรก  เป็น นโยบายที่กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง

แม้โดยส่วนตัว  และ คนในครอบครัว +เครือญาติ  ฐานะดีแล้ว ไม่ได้รับผลดีโดยตรง จากนโยบายใดๆ ที่กล่าวมาทั้งหมด แต่ก็ ขอสนับสนุน มาถูกทางแล้ว เพราะว่า เราขอเพียงแต่ บ้านเมืองสงบสุข  คนมีงานทำ  โจรผู้ร้ายน้อย   ยาเสพติดลดลง  อาชญากรรมลดลง  นั่นแหละคือ อานิสงค์ที่เราได้รับทางอ้อมจากยุดเศรษฐกิจดี