
ก่อนอื่น ขอแจงก่อนว่า ทำไมผมถึงเรียกว่าอาการ "ปัญญาอ่อน"
ที่ผมเรียกว่าปัญญาอ่อนก็เพราะคนที่ผมหมายถึง เป็นพวกที่ "ไม่ใช้และไม่ยอมใช้ปัญญา" ครับ
คือใช้แค่สัญชาตญาณเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองเท่านั้น
เมื่อการปิโตรเลียมเขมรแถลงเรื่องสุเทพขอเจรจากับซก อาน เมื่อฮุนเซนพูดว่าสุเทพขอเจรจาเรื่องผลประโยชน์ทางทะเล
คนที่เขามีปัญญา เขาจะมีคำถามครับ มีคำถามว่า จริงไหม ? นายสุเทพทำอย่างนั้นจริงไหม ? เขมรพูดจริงไหม ?
และในขณะที่ยังไม่มีคำตอบ เขาก็จะประเมินสถานการณ์โดยการ "คาดการณ์" อย่างมีเงื่อนไขว่าน่าจะ... ถ้า...
แต่สำหรับ "ปัญญาอ่อน" นอกจากไม่คิด ไม่ตั้งคำถาม ไม่มองหาความเป็นไปได้หรือไม่แล้ว
ปัญญาอ่อนจะใช้แค่สัญชาตญาณเพื่อตอบสนองความพึงพอใจให้ตัวเองด้วยการเชื่อว่าเขมรโกหก และสุเทพพูดจริงเท่านั้น
และเลเพลาดพาดกล่าวหาใส่ร้ายคนอื่นว่าเป็นพวกเขมรไปซะอีก
เรื่องนี้มันง่ายครับ ก็ในเมื่อทั้งอภิสิทธิ์ สุเทพ กษิต ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สุเทพทำไปตาม "มติ ครม."
ก็แค่หยิบ "มติ ครม." มาแสดงซะว่า ครม. มีมติให้สุเทพไปเจรจานอกรอบกับเขมรนี่เมื่อไร วันไหน
เท่านั้นเองครับ เรื่องจบ
จบเพราะมันแสดงว่าสุเทพทำไปตามคำสั่งรัฐบาล ไม่มีนอกมีใน ส่วนจะมีวิธีเจรจาอย่างไร นั่นถือเป็น "ชั้นเชิง" ทางการเจรจาของสุเทพ
เขมรจะบอกว่าสุเทพยังงั้นยังงี้มันก็ไม่มีความหมาย เพราะสุเทพตามคำสั่งรัฐบาล ทำตามหน้าที่
ไม่จำเป็นต้องมาเล่นวาทกรรมโอดครวญว่าโดนใส่ร้าย โดนรุมป้ายสี และถึงขนาดกล่าวหาว่าเพื่อไทย ทักษิณ เขมร ร่วมมือกันใส่ร้าย
มันเกินไป
ก็แค่ประชาธิปัตย์บอกว่า ครม. มีมติเมื่อไรเท่านั้นเอง เรื่องก็จบ
คนไทยอย่างไรเราก็ต้องปกป้องกันครับ ไม่มีใครเห็นต่างชาติดีกว่าไทยด้วยกันหรอก
แต่เพราะไทยบางพวกน่ะ มันทำอะไรที่เกินเลยเกินเหตุ ทำอะไรมุ่งแค่ผลประโยชน์ใส่ตัว มุ่งแค่ผลได้ทางการเมือง มุ่งแค่ทำลายคนอื่นทางการเมือง
พอมีคำถาม มีคำทักท้วงว่าไม่ควรทำ ไม่ถูกต้อง แทนที่จะรับฟังบ้าง ขบคิดบ้าง ทำในสิ่งที่ถูกที่ควรบ้าง กลับกล่าวหาว่าคนอื่นเข้าข้างต่างชาติไปซะอีก
เรื่องนี้ หากเขมรโกหก มันยิ่งจะทำให้คนไทยรักกันครับ
ฉะนั้น ประชาธิปัตย์ต้องยืนยันให้ได้ว่า สุเทพทำไปตาม มติ ครม.จริง
มันก็น่าคิดนะครับว่า หากเรื่องที่การปิโตรเลียมเขมรแถลง เรื่องที่ฮุนเซนพูดเป็นเรื่อโกหก เขมรจะพูดทำไม จะแถลงทำไม
เพราะถ้าเขาโกหก เขามีเสียกับเสีย แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริง มันก็เป็นชั้นเชิงการเมืองที่ฉลาดของเขมร
คือได้ใจรัฐบาลเพื่อไทย ได้ "เอาคืน" ทั้งอภิสิทธิ์และกษิต ได้เล่นประชาธิปัตย์เสียแมว
เมื่ออุนมานสถานการณ์อย่างนี้ มันจึงน่าคิดครับว่าใครกันแน่โกหก ???
น่าเบื่อหน่ายและน่ารังเกียจนะครับ
พอได้เป็นรัฐบาล ก็ทำได้แค่ "ละเลงขนมเบื้องด้วยปาก" เท่านั้น
พอแพ้เลือกตั้ง กลายมาเป็นฝ่ายค้าน ก็ดีแต่ป้ายสี ใส่ความ สร้างเรื่อง หาทางโค่นล้ม
ตอนเป็นรัฐบาลไม่พูดเรื่องทักษิณจับมือฮุนเซนลงทุนในเรื่องพลังงานทางทะเล เหมือนไม่มีเรื่องนี้
แต่พอเป็นฝ่ายค้านก็พูดรายวัน โยงทักษิณ-เขมรว่าสนินสนมกัน ร่วมกันลงทุน แต่ไม่เคยมีหลักฐานสักชิ้น ดีแต่โยงป้ายสีเขาไปวัน ๆ
ปากอ้างว่าทักษิณสนิทสนมกับฮุนเซน แต่บอกว่าให้ฮุนเซนจับทักษิณส่งไทยรายวัน มันขัดกันยังไงไม่รู้
แถมกองเชียร์ก็มีแต่สัญชาตญาณตอบสนองความพอใจตัวเองเท่านั้น อาศัยสัญชาตญาณเยียวยาใจไปวัน ๆ ความคิดไม่ยอมใช้ เพราะกลัวมันไม่เป็นดังคิด
เพราะไม่คิด ไม่ใช้ปัญญานี่แหละ ผมถึงเรียกว่าอาการ "ปัญญาอ่อน"
เฮ้อ....
อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่อง "โกหก" ของเขมรครับ เพื่อคนไทยเราจะได้รักกัน สามัคคีกัน
แต่กลัวมันจะเป็นเรื่อง "คนไทยโกหกคนไทย" ซ้ำซากน่ะสิครับ เพราะโกหกบ่อยเหลือเกิน
เป็นรัฐบาลอยู่แค่สองปีเจ็ดเดือน ไม่รู้โกหกอะไรไว้บ้าง ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาทีละเรื่อง ๆ
ยังไม่รู้สึกรู้สา ยังมีหน้ามานั่งต่อว่าแถมสั่งสอนคนอื่นอยู่รายวัน
พวกหน้าด้าน !!!
