ขึ้นชื่อว่าการปฏิวัติรัฐประหารมันอยู่คู่กับประเทศไทยมายาวนานจนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ครั้งสุดท้ายที่ผ่านมานอกจากจะตั้งชื่อกันยาวเฟื้อยกว่าครั้งใดๆแล้วยังมีข้อแตกต่างกว่าครั้งก่อนๆอย่างชัดเจน การแตกแยกของชนในชาติจึงเริ่มต้นณ.จุดนี้
1.สิ่งแรกที่เห็นคือกระทำการขณะที่ผู้นำไม่ได้อยู่ภายในประเทศ มันทำให้มองได้ว่าผู้ก่อการนั้นขลาดกลัว ไม่มีความมั่นใจตนเอง เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าคุณทักษิณมีคนรักและชื่นชมผลงานอยู่มากมาย
2. มีการร่วมกับพันธมิตรสร้างสถานการณ์ว่าคนสองกลุ่มจะยกพวกตีกัน พวกหนึ่งซึ่งมีตัวตนคือพวกพันธมิตร แต่อีกพวกหนึ่งนั้นไม่มีตัวตนแต่อย่างใด จึงไม่สมเหตุสมผล
3.มีการตั้งข้อหาไว้ก่อน เมื่อยึดอำนาจแล้วค่อยหาหลักฐานภายหลังซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมต่ออีกฝ่ายหนึ่ง
4. เมื่อยึดอำนาจแล้วกลับแต่งตั้งสมรรคพรรคพวกเดียวกันมานั่งในกระทรวงทบวงกรมต่างๆเพื่อหาหลักฐานเล่นงานทักษิณ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกล่าวหาข้างต้น จึงเป็นการยึดอำนาจแบบเลือกข้าง
5.การยึดอำนาจครั้งก่อนๆจะยึดหลักความเป็นกลางอย่างเคร่งครัด ด้วยการให้ทหารในเครื่องแบบทุกเหล่าทัพเข้าไปนั่งเป็นเจ้ากระทรวงทั้งหมด เมื่อบ้านเมืองสงบดีแล้วจึงจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป
6. คณะผู้ก่อการมุ่งหวังแอบแฝงหวังทำลายล้างแบบขุดรากถอนโคน แม้ยึดอำนาจแล้วก็ยังตามทำลายล้างไม่เลิก แม้แต่พรรคการเมืองและนักการเมืองที่เกี่ยวข้องก็จะถูกกำจัดไม่เว้น
7. ตั้งองค์กรอิสระต่างๆขึ้นมาล้วนแต่เป็นศัตรูคู่อาฆาตของทักษิณมาทำหน้าที่ เพื่อกำจัดคุณทักษิณโดยตรง ความเที่ยงธรรมจึงไม่เกิด ความคับแค้นใจจึงผุดขึ้นทุกหย่อมหญ้า
8. มุ่งทำลายพรรคการเมืองหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับคุ้มครองช่วยเหลือพรรคการเมืองอีกพรรคหนึ่งอย่างลำเอียง
9.ตั้งรัฐบาล คมช. ขึ้นมาไม่จริงใจในการแก้ปัญหาการขัดแย้ง ท่องแต่คำว่าสมานฉันท์ แต่ยังตามจิกตามตีอีกฝ่ายหนึ่งไม่เลิก
10.ร่างรัฐธรรมนูญที่เอื้ออำนวยให้ฝ่ายตนเองหมกเม็ดอยู่มากมาย ออกกกหมายคุ้มครองตนเองและองค์กรอิสระเหล่านั้น ทำให้องค์กรอิสระเหล่านั้นลำพองใจกระทำการใดๆโดยไม่ต้องกลัวความผิด
11. การโกงกินที่น่าจะหมดไปกลับทวีมากกว่ารัฐบาลอื่น การตรวจสอบไม่มีเพราะองค์กรอิสระเป็นพวกเดียวกัน รัฐบาลและกองทัพจึงเป็นเหมือนแดนสนธยาแห่งการคอรับชั่น
12. ขบวนการตุลาการที่ผดุงความยุติธรรมมีเรื่องฉาวโฉ่เน่าเฟะ จะเอียงกระเทีเร่ทุกครั้งที่ตัดสินคดีการเมือง
การยึดอำนาจเมื่อ 19 กันยายน 49 จึงเป็นการยึดอำนาจที่แปลกประหลาดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นการยึดอำนาจแบบเลือกข้างมาตั้งแต่ต้น คนก่อการขาดคุณธรรมไม่มีความเป็นกลาง ไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา มุ่งเพียงยึดอำนาจเพื่อกำจัดและตามทำลายล้างเท่านั้น ปัญหาการขัดแย้งเลือกข้างจึงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด
เมื่อขบวนการยุติธรรมยังไม่มีการเปลี่ยนมือหรือเปลี่ยนพฤติกรรม ความยุติธรรมไม่ปรากฏ การแตกแยกในบ้านเมืองก็ยังคงอยู่ต่อไป สุดท้ายประเทศอาจต้องแตกเป็นเสี่ยงๆเพราะประชาชนหมดที่พึ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ การเลือกตั้งแม้จะชนะอีกกี่ครั้งก็ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
คุณมองเห็นเหมือนผมหรือยังว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร คนในขบวนการตุลาการจึงจะไม่ตัดสินอะไรนอกลู่นอกทางและอคติอีกเช่นที่ผ่านมา
คงไม่มีหนูโง่ๆตัวไหนที่จะเอาลูกกระพรวนไปผูกคอแมว แต่คงต้องมีหนูที่ฉลาดสักตัว ที่จะเอาเชือกผูกยาเบื่อไปใส่ชามแมวใช่ไหมครับ
แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 54 01:20:01