หลังจากเกิดเรื่องราวมากมายระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา จนมีพี่น้องประชาชน,ทหารล้มตายเดือดร้อนแสนสาหัสจำนวนมาก ทั้งสองประเทศ  
 จนมาถึงห้วงเวลานี้ ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่บรรยากาศของฝันร้ายกำลังจะเคลื่อนหายไป ราวกับคนที่กำลังตื่นจากฝันร้ายมายาวนาน
 ไม่น่าเชื่อว่า เพียงประเทศไทยเปลี่ยนรัฐบาล สถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศไทยและประเทศกัมพูชาก็เปลี่ยนไปในแนวโน้มที่ดีอย่างเทียบกันไม่ติด นั่นแสดงให้เห็นถึงเหตุปัจจัยใดหรือไม่?
 ในเมื่อรัฐบาลกัมพูยังคงเป็นรัฐบาลเดิมคู่มาหลายสมัยกับรัฐบาลไทย แต่ทำไมจึงต้องมาเกิดเหตุร้ายแรงอย่างรุนแรงในช่วงสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์เท่านั้น 
  
 ดิฉันมองย้อนกลับไปเมื่อครั้งก่อนที่จะมีกลุ่มคนออกมาเคลื่อนไหวประเด็นการคลั่งชาติอย่างขาดสติ  ประชาชนตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาทั้งสองฝั่งมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างสงบสุขทำการค้าขายด้วยสัมพันธ์อันดีต่อกัน ทหารทั้งสองฝั่งรั้วเขตแดนยืนหยัดปกป้องพื้นที่ภายในเส้นแบ่งเขตแดนด้วยไมตรีอันดีต่อกัน 
 ก่อนเกิดเหตุยิงถล่มกันทหารไทยเขมรยังนั่งกินข้าวกลางวันด้วยกันด้วยซ้ำไป แต่มาภายหลังต้องมายิงห้ำหั่นกันเพราะต่างฝ่ายต่างได้รับคำสั่งต้องปฏิบัติตาม(เคยชมข่าวที่นักข่าวไทยไปสัมภาษณ์ทหารเขมรหลังเหตุการณ์สงบลง)
  
 "ดิฉันมาคิดทบทวนดูว่า ครั้งที่พื้นที่ 4.6 ตร.กม. ยังเป็นพื้นที่ทับซ้อน รัฐบาลชุดก่อนหน้านั้นใช้ยุทธวิธีทางการฑูตเพื่อรักษาสถานการณ์ชายแดนให้ดำรงอยู่ในจุดที่ต่างฝ่ายต่างพึงใจแล้วพัฒนาด้านการค้า-เศรษฐกิจไปด้วยกัน
 ถึงพื้นที่ 4.6 ตร.กม. จะไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของประเทศไทย คนในพื้นที่บริเวณ 4.6 ตร.กม. เขาก็ใช้ชีวิตปกติสุขของเขาไปเช่นเดิม ดิฉันก็ไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเพราะดิฉันใช้ชีวิตอยู่ใน กทม. ไม่ได้ไปมีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเขา ที่สำคัญดิฉันไม่ได้รู้สึกว่าคนไทยอย่างดิฉันต้องสูญเสียดินแดนส่วนใดไปทั้งสิ้น
 จนมาถึงสถานการณ์รุนแรงตามชายแดนไทยกัมพูชา ที่ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากกลุ่มคนไทย(พันธมิตร)ออกมาสร้างกระแสคลั่งชาติแล้วถูกเติมเชื้อต่อไฟด้วยรัฐบาลไทย(อภิสิทธิ์) จนถึงขั้นต้องให้ทหารทั้งสองฝ่ายเข้าห้ำหั่นกันเป็นเหตุให้ประชาชนต้องบาดเจ็บล้มตายเดือดร้อนอย่างที่สุด ตัวดิฉันก็ยังคงไม่ได้รับผลกระทบในชีวิตประจำวันแต่อย่างใดเพราะใช้ชีวิตอยู่ใน กทม. เช่นเดิม  เช่นเดียวกับนายกฯ อภิสิทธิ์และคนในฟากฝั่งรัฐบาลในสมัยนั้น
  
 ดิฉันสงสัยว่า คนที่อยากได้พื้นที่ 4.6 ตร.กม. นั้นมาเป็นกรรมสิทธิ์ของประเทศไทยเหล่านั้น 
 * เขาเป็นใคร? 
 * เขาเป็นคนอยู่ในพื้นที่ไหน? 
 * ถ้าได้พื้นที่ 4.6 ตร.กม. นั้นมาเป็นของไทยแล้ว เขาทั้งหลายที่ออกมาเรียกร้องพื้นที่ตรงนั้น จะมีใครสักคนไหม? ที่จะเข้าไปดูแลรักษาพัฒนาพื้นที่ 4.6 ตร.กม. นั้น
 คำตอบคือ ไม่มีเลย !  และคนที่ออกมาเคลื่อนไหวสร้างความเดือดร้อนเสียหายก็ไม่ใช่คนในพื้นที่ดังกล่าว
 แล้วคนกลุ่มนี้หยิบยกกระแสคลั่งชาติหวงแผ่นดินขึ้นมาทำไม? 
 ถ้าไม่ใช่สร้างกระแสคลั่งชาติเพื่อหวังผลทางการเมือง โดยมีชีวิตของคนไทยชายแดนเขมรเป็นเหยื่ออย่างเลือดเย็นที่สุด โดยใช้การสะดุดหยุดชะงักของระบบเศรษฐกิจประเทศไทยเป็นเหยื่อต่อรองอย่างไร้สำนึกรับผิดชอบ
  
 วันนี้ ดิฉันจะรู้สึกยินดีมาก ถ้าพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ตรงนั้น จะยังคงเป็นพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทยกัมพูชาต่อไป 
 * ถ้าประเทศไทยกัมพูชา จะมีความสงบสุขเหมือนเดิม กลับมาเป็นประเทศพี่ประเทศน้องเหมือนเดิม
 * ถ้าพี่น้องไทยกัมพูชา ไม่ต้องสูญเสียชีวิตทรัพย์สินอีกต่อไป
 * ถ้าประเทศไทยกัมพูชา กลับมาเป็นพันธมิตรทางการค้าต่อไป
 * ถ้าประเทศไทยกัมพูชา จะได้ร่วมทำข้อตกลงทางพลังงาน เพื่อให้มีพลังงานใช้ต่อไปในอนาคต
 * ถ้าประเทศไทยกัมพูชา จะพัฒนาพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวร่วมกัน
 * ถ้าประเทศไทยจะไม่ได้พื้นที่ 4.6 ตร.กม. มาเป็นกรรมสิทธิ์ของไทย  แล้วประเทศไทยไม่ต้องเสียพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของประเทศกัมพูชา  ดิฉันก็พร้อมยอมรับ
  
 ได้ฟังข่าวสมเด็จฮุนเซ็นกล่าวรับรองที่จะปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยที่ถูกทำรัฐประหารยึดอำนาจอย่างขัดต่อระบอบประชาธิปไตย ในฐานะเป็นพี่ชายที่นับถือ พร้อมกับท่าทีที่ยินดีต้อนรับคนไทยทุกคนที่มีไมตรีแล้ว ดิฉันรู้สึกชื่นชมสมเด็จฮุนเซ็นค่ะ  
 เพราะสมเด็จฮุนเซ็น ท่านแสดงให้เห็นว่า  "ท่านพร้อมจะเป็นมิตรกับคนไทยที่เป็นมิตร ตราบใดที่คนไทยไม่ผลักดันกดดันให้ท่านหันมาเป็นศัตรูกับคนไทย"
 ประเทศไทยจะมีประเทศเพื่อนบ้านเป็นมิตรหรือศัตรู ก็อยู่ที่คนไทยต้องการจะให้ประเทศเพื่อนบ้านเป็นมิตรหรือศัตรูต่างหาก ไม่ใช่เพราะเพื่อนบ้านต้องการจะเป็นศัตรูกับประเทศไทย  จริงไหม?