"ผมรู้สึกทุกข์ ที่เห็นคนไทยไม่รักกัน"

ผมอยากจะอาเจียนกับความดัดจริตของอดีตผู้นำกองทัพคนนี้ครับ !!!!

ก็ไม่ใช่เพราะสนธิเองหรอกหรือ
ที่เป็นปฐมบทของความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวงในรอบ 5 ปีนี้
จากการที่ไม่เคารพในระบอบประชาธิปไตยที่มีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง

แต่หันไปชมชอบการยึดอำนาจ และตั้งรัฐบาลจากการปฏิวัติขึ้นมา
และตามมาด้วยองค์กรอิสระที่ไล่เช็คบิลฝ่ายตรงข้าม แบบที่กะจะเอาให้สิ้นซาก
ไปจนถึงการเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มของตนเอง

การปฏิวัติมันคือการ "ปล้น" อำนาจของประชาชนครับ

นอกจากจะละเมิดอำนาจของผมแล้ว
(ผมก็ประชาชนคนนึง ที่ออกจากบ้านไปใช้สิทธิ์นี่นา)
การปฏิวัติยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย

ดูตัวอย่างจาก สนธิ บุญยรัตกลิน เลยก็ได้

ปฏิวัติทำให้ชีวิตสนธิดีขึ้น
เพราะสามารถเบิกงบลับออกมาใช้แบบตรวจสอบไม่ได้

ตอนหลังมีการเปิดบัญชรทรัพย์สินของสนธิ
ปรากฏว่ามีทรัพย์สินที่ "แสดง" อยู่ประมาณ 90 กว่าล้าน
อันนี้คือจำนวนที่สนธิแสดงนะครับ ไอ้ที่ไม่แสดงจะมีหรือเปล่าก็ไม่รู้

เป็นทหารตั้งแต่นายร้อย จนปลดเกษียณ
ต่อให้ทำงานเก็บเงินแบบไม่ใช้ซักบาท ผมว่ายังไงก็ไม่น่าจะมีมากมายแบบนี้

การปฏิวิติทำให้เห็นธาตุแท้ของบางพรรค
ที่ปากบอกว่าชื่นชอบระบอบประชาธิปไตย
แต่กลับไม่หือไม่อือซักแอะตอนสนธิยึดอำนาจ

การปฎิวัติทำให้เห็นการทำงานของ คตส.
ที่โดนศาลยกฟ้องเนวินในคดีกล้ายาง
ไหนตอนนั้นบอกว่าหลักฐานแน่นหนา

แถมแก้วสรร คนของ คตส.ยังทะลึ่งไปเป็นพยานให้เนวิน
มีที่ไหนในโลกนี้ที่เคยกล่าวหา ควานหาหลักฐานมาเล่นงานเขา
แต่ท้ายสุดกลับไปเป็นพยานในชั้นศาลให้กับคนที่ตนเองกล่าวหา
เสียดายงบประมาณที่มาจ่ายเงินเดือนให้ คตส.พวกนี้จริงๆ

นี่แหละครับ...องค์กรอิสระที่มาจากการปฏิวัติ

ปฏิวัติทำให้เห็นว่า
ทหารหาญที่ปากบอกว่าไม่ยุ่งกับการเมืองนั้น
ในวันที่รู้สึกว่าจะเสียอำนาจ ก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อคงมันไว้

ปฏิวัติทำให้สนธิได้คิด
ว่าการจะขึ้นมาสู่อำนาจนั้น
ไม่มีหนทางไหนดีไปกว่าการลงเลือกตั้ง

ไม่งั้นสนธิคงไม่ไปเป็น หน.พรรคมาตุภูมิหรอก !!!!!!!

กว่าจะผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนถึงวันนี้
เมืองไทยใหญ่อุดมของเราเจอเหตุการณ์ยึดอำนาจมาแล้ว
ไม่มากไม่มายครับ....แค่ 22 ครั้งแค่นั้นเอง

แหมมม...ฟังแล้วมันวุ่นวาย..ด้อยพัฒนาไงชอบกลนะครับ...เมืองไทยของเรา

ไอ้ที่ว่า 22 ครั้งนี้..ผมเริ่มนับจากยุคกบฏ ร.ศ.130 ในยุครัชกาลที่ 6 นะครับ
เพราะมันสมัยใหม่แล้ว...มีปืน มีระเบิด มีของหนักๆมาเล่นกันแล้ว
ส่วนไอ้ยุคขี่ม้า นั่งช้าง ถือดาบ ควงหอก แบกโล่ห์ แล้วยึดอำนาจอันนี้ไม่นับครับ

เอาแบบรวมๆนะครับ...ครั้งแรกก็โน่นเลย....ในปี 2475
คณะราษฏรเป็นคนลงมือ... ครั้งนั้นไทยเราเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองเลยครับ

แล้วต่อมาก็... พระยาพหลฯ ในปี 2476
จอมพลผิน ชุณหะวัณ เอาด้วยในปี 2490
จอมพลผินเนี่ยย....เป็นพ่อ “น้าชาติ” พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ
ที่ต่อมาก็โดนยึดอำนาจโดย รสช.ของบิ๊กจ๊อดครับ

จอมพล ป.พิบูลสงคราม เอามั่งในปี 2494
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ สนุกกับเขามั่งในปี 2500
จอมพลถนอม กิตติขจร ร่วมด้วยช่วยกันในปี 2501
จอมพลถนอม เจ้าเก่า...ขอเบิ้ลอีกครั้งในปี 2514 ครับ

พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ขึ้นจากน้ำมายึดอำนาจในปี 2520 ครับ
ครั้งนี้พิเศษหน่อยตรงที่ “จอส์วใหญ่” แกเป็นทหารเรือครับ
จะสังเกตุว่าที่ยึดอำนาจกันส่วนใหญ่เป็นทหารบกทั้งนั้นนะครับ

“บิ๊กจ๊อด” พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ขอแจมในปี 2534
การยึดอำนาจของ”นายพลเสื้อคับ”ครั้งนั้น
บานปลายต่อยอดเป็นเหตุการณ์พฤษภาทมิฬครับ

แล้วก็มาถึงครั้งล่าสุด พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน
ที่ลงมือแบบสายฟ้าแลบในวันที่ 19 กันยายน 2549

อันนี้คือการยึดอำนาจที่ทำสำเร็จครับ
และไม่ต้องกลายเป็น “กบฏ” แต่อย่าใด

ส่วนไอ้ที่ไม่สำเร็จแล้วกลายเป็นกบฏ
อันนี้เยอะครับ.... 12 ครั้ง....หนึ่งโหลพอดีเลย
แน่นอนครับ..ยึดอำนาจไม่สำเร็จก็ต้องกลายเป็นกบฏ
บางรายถึงตายเลยครับ...เพราะโดนประหารชีวิต

ถ้าระบอบประชาธิปไตยไม่ดีจริง
สนธิที่เคยทำการปฏิวัติคงไม่ "ดวงตาเห็นธรรม"
และลงมาเล่นการเมืองตามกระบวนการในระบอบรัฐสภา

จนตอนนี้กลายเป็น หน.พรรคฝ่ายค้านเล็กๆที่ชื่อมาตุภูมิหรอกครับ

โดยมี "ยิ่งลักษณ์" น้องสาวของคนที่โดนสนธิปฏิวัตินั่นแหละ
เป็นนายกฯอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรมของระบอบรัฐสภา !!!

ถึงเวลานี้สนธิยังไม่ยอมสำเหนียกเลย
และยังมาเล่นบทพระเอกละครน่ำเน่าอีกต่างหาก
ด้วยการคร่ำครวญว่า "ผมรู้สึกทุกข์ ที่เห็นคนไทยไม่รักกัน"

สำเหนียกบ้างเถอะ....สนธิ

แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 54 14:49:23