เมื่อ ๑๙ กย.๒๕๕๔ เป็นการครบรอบ ๕ ปี ของการรัฐประหาร มีกลุ่มองค์กรต่างๆ รวมถึงคนเสื้อแดงจัดกิจกรรมเพื่อเตือนความทรงจำการเกิดการรัฐประหารในครั้งนั้น แล้วต่างก็มุ่งหวังที่ไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกในประเทศนี้
จากการปฏิวัติในครั้งนั้นมีผลตามมามากมาย มีการนำรถแท็กซี่วีงไปชนรถถังคือลุงนวมทอง ไพรวัลย์ได้รับบาดเจ็บ แล้วมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ออกมาบอกว่าไม่เชื่อว่าจะมีใครที่มีอุดการณ์มาต่อต้านการรัฐประหารจนเป็นเหตุให้เกิดการฆ่าตัวตายโดยการผูกคอของลุงนวมทอง ที่หน้าสำนักงานหนังสือพิพม์ไทยรัฐ
มีการกล่าวว่าในการทำรัฐหารในครั้งนั้นมีการเบิกงบประมาณไปใช้ ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท มีผู้ได้รับความดีความชอบในการกระทำครั้งนั้นอย่างทั่วถึง แต่คนทำรัฐประหารไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลเอง เหมือนคนอื่นๆ พล.เอกสนธิ บุญรัตน์กลิน จึงกลายเป็นเพียงหุ้นเชิดในสายตาประชาชนกับการรัฐประหารครั้งนั้น ข้อกล่าวอ้างที่ใช้ทำรัฐประหารครั้งนั้นเป็นเพียงการกล่าวอ้างเพื่อหาเหตุเท่านั้น แต่เหตุผลที่แท้จริงคือต้องการกำจัดนายกทักษิณให้พ้นไปจากการเมืองของไทยเท่านั้นเอง ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่สูงมาก(เป็นการจุดไฟเผาประเทศเพื่อไล่คนๆเดียว)แล้วก็ยังมีประชาชนอีกไม่น้อยมีความเชื่อว่า การรัฐประหารยังมีผู้ที่ยังคอยหวังจะให้เกิดขึ้นมาอีก เพียงรอจังหวะและโอกาสเท่านั้น
ที่กล่าวมาทั้งหมดเพียงอยากจะบอกว่าการรัฐประหารครั้งนั้นเราเสียหายอะไรไปบ้าง เสียนายกที่ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาน(นโยบายที่สัมผัสได้) เสียโอกาสของประชาชนที่จะลืมตาอาปากได้ เศรษฐกิจของประเทศชาติทดถอยไปหลายสิบปี ความก้าวหน้าทางด้านการศึกษาหยุดอยู่กับที่ การแตกแยกของประชาชน ระบบยุติธรรมที่บิดเบี้ยว
อยากถามว่าคุ้มกันไหมกับคำว่าเสียใจท่านสนธิ บุญรัตน์กลิน 