Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ติดต่อทีมงาน

อาจ กล่าวได้ว่าไม่มีห้วงเวลาใดอีกแล้วในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ซึ่งจะมีการใช้ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกันอย่างพร่ำเพรื่อ เท่ากับที่กำลังเกิดขึ้น ณ เวลาปัจจุบัน

 

การ กล่าวหาที่มีต่อการอภิปราย การแสดงความคิดเห็นทางการเมือง การออกข้อสอบของอาจารย์ในมหาวิทยาลัย การนำพระราชดำรัสมาพิมพ์เป็นสติ๊กเกอร์ การวิจารณ์บทบาทขององคมนตรีในทางการเมือง หรือการขอพึ่ง “พระบารมี” เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการนำข้อหาดังกล่าวมาใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยแทบจะไม่มีการทำความกันให้ชัดเจนว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าการกระทำความ ผิดในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

 

การกระทำอันเป็นความผิดที่เรียกกันว่า “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” เป็นบทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้ ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกสามปีถึงสิบห้าปี”

 

การกระทำที่จะสามารถจัดว่าเป็นความผิดในฐานนี้ จึงต้องมีองค์ประกอบสำคัญสอง ประการ

 

ประการที่หนึ่ง การกระทำนั้นต้องเป็นการกระทำที่เข้าข่ายหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย

 

ทั้งนี้ ในส่วนของการแสดงความอาฆาตมาดร้ายว่า จะเป็นการแสดงออกให้เห็นถึงความประสงค์ร้ายต่อบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองใน มาตรานี้ ในส่วนความหมายของการดูหมิ่นและหมิ่นประมาทในทางกฎหมายนั้น มีความหมายที่แตกต่างกัน หมิ่นประมาทต้องเป็นการใส่ความ ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง หรือทำให้ถูกคนทั้งหลายดูถูกหรือเกลียดชัง การใส่ความ คือ การยืนยันถึงข้อเท็จจริงอย่างใดๆ เกี่ยวกับบุคคลอื่น โดยอ้างว่าเขาได้กระทำการอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งอาจด้วยคำพูดของตนหรือนำเอาคำพูดของบุคคลอื่นมาบอกเล่าอีกครั้งก็ได้ อาทิเช่น กล่าวหาว่านายอำเภอเป็นเสือผู้หญิง กล่าวหาว่าเขาเป็นคนทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นประจำ เป็นต้น

 

สำหรับ การดูหมิ่นหมายถึง การกระทำการเหยียดหยามซึ่งอาจเป็นการกระทำทางกิริยา อาทิเช่น ยกส้นเท้าให้ ถ่มน้ำลายรด หรืออาจเป็นการกล่าวด้วยถ้อยคำ ดังเช่นการด่าด้วยคำหยาบ ด่าว่าอีกฝ่ายเป็นสัตว์เดรัจฉาน ก็นับว่าเป็นการดูหมิ่นได้

 

ประการ ที่สอง บุคคลที่ได้รับการคุ้มครองตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญาครอบคลุมเฉพาะพระ มหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เท่านั้น บุคคลอื่นนอกเหนือจากที่ได้บัญญัติไว้ไม่ได้รับการคุ้มครองแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นองคมนตรี หรือพระบรมวงศานุวงศ์อื่นใดก็ไม่ได้อยู่ในการคุ้มครองของมาตรานี้

 

จาก บทบัญญัติดังกล่าวของกฎหมายอาญา ในการจะวินิจฉัยว่าการกระทำใดที่จะเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือไม่ จึงต้องเป็นการกระทำที่มีลักษณะเป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย ซึ่งได้กระทำต่อพระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

 

ใน กรณีที่การกระทำนั้นๆ มีความชัดเจนว่าเข้าข่ายการกระทำที่กล่าวมา ก็อาจไม่มีปัญหาในการวินิจฉัยแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ความยุ่งยากที่เกิดขึ้นจากความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ก็คือ มีการกระทำเป็นจำนวนมากที่มีความคลุมเครือว่าจะเข้าข่ายของการดูหมิ่น หรือหมิ่นประมาทหรือไม่

 

กรณีที่สามารถนำมาพิจารณาเป็นตัวอย่างได้ อาทิเช่น การกล่าวหาว่าการร้องขอ “พระบารมี” ใน การกลับสู่ประเทศไทยของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ถูกอธิบายความจากองค์กรด้านกฎหมายอย่างรวดเร็ว ว่า เป็นการแทรกแซงการใช้อำนาจของพระมหากษัตริย์ จึงถือเป็นความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

 

การร้องขอพระบารมีมิได้มีลักษณะของการกระทำที่เข้าข่ายทำให้เสื่อมเสียหรือ เป็นการกระทำที่เหยียดหยามต่อพระมหากษัตริย์ จึงยากที่จะเข้าข่ายของการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาท เพราะไม่ได้เป็นการกระทำที่แสดงให้เห็นว่าได้มีการลบหลู่พระเกียรติยศของพระ มหากษัตริย์แต่อย่างใด ถึงแม้ว่าการกระทำนี้อาจถูกโต้แย้งได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม แต่ความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมของการกระทำก็เป็นอีกเรื่องต่างหาก มิใช่เป็นเรื่องการกระทำผิดในฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

 

(มาก ไปกว่านั้น ถ้าหากการกระทำในลักษณะนี้เป็นความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแล้ว คำถาม ก็คือว่า บรรดาการเรียกร้องมาตรา 7 หรือนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ก็ไม่ได้มีลักษณะที่แตกต่างกัน ก็ควรย่อมอยู่ในสถานะที่เป็นความผิดด้วย หาก พ.ต.ท. ทักษิณ มีความผิด บรรดานักกฎหมาย นักการเมือง นักวิชาการจำนวนมาก ก็เป็นผู้กระทำผิดเช่นกัน)

 

หรือ ในการไม่เคารพต่อสัญลักษณ์ที่แสดงถึงบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองไว้ในมาตรา นี้ก็ได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นการกระทำที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพซึ่งเป็นประเด็น ปัญหาอย่างมาก ทั้งนี้ หลักการสำคัญในการใช้กฎหมายอาญา ก็คือ จะต้องตีความอย่างเคร่งครัด เนื่องจากเป็นกฎหมายที่ใช้ลงโทษบุคคล การขยายความหรือถ้อยคำที่กำหนดไว้ในกฎหมายไม่อาจกระทำได้ เพราะจะเป็นผลกระทบต่อความมั่นคงในเสรีภาพของประชาชน เพราะฉะนั้น การดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทก็จะต้องปรากฏอย่างชัดเจนในสาระสำคัญว่าได้กระทำ การเหยียดหยาม หรือกระทำให้เกิดความเสื่อมเสียเกิดขึ้น

 

ถ้า ปล่อยให้มีการขยายความหมายของการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมีขอบเขตกว้างขวางรวม ออกไปถึงการกระทำที่มีต่อสัญลักษณ์ของบุคคล ก็อาจทำให้เกิดเป็นปัญหาอย่างมาก อาทิเช่น การทิ้งปฏิทินหรือข้าวของซึ่งมีสัญลักษณ์ของบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองตาม กฎหมาย หรือแม้กระทั่งการไม่ทำความเคารพต่อสัญลักษณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลง รูปภาพ ก็อาจกลายเป็นความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพได้เช่นกัน ถ้าเช่นนั้น การนำสติ๊กเกอร์ที่มีถ้อยคำว่า “เรารักในหลวง” มาติดกระจกรถยนต์ก็ย่อมเป็นความผิดเหมือนกัน เพราะการตีตนเสมอพระมหากษัตริย์โดยไม่ใช้ราชาศัพท์

 

ข้อ เสนอในที่นี้ เป็นการพิเคราะห์ในเชิงกฎหมายว่าการกระทำใดที่จะเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน หมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือไม่ แต่ไม่ได้เป็นการกล่าวถึงในด้านของความเหมาะสมของการกระทำ ซึ่งเป็นประเด็นที่สามารถถกเถียงแลกเปลี่ยนกันได้ แต่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพการกระทำที่ไม่เหมาะไม่ควร ของประชาชนต่อพระมหากษัตริย์ในปัจจุบัน ยังไม่ถือว่าเป็นความผิดที่จะต้องถูกลงโทษแต่อย่างใด

จากคุณ : โชติช่วงชัชวาล
เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 54 15:58:43 A:180.183.168.3 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com