 |
"หน้าใสใจคด" โดยสายล่อฟ้า..ไทยรัฐ...กล้องหนอกล้องทำให้ทาสเผด็จการเละแล้วเละอีก ถ้าด้านไม่พอคงไม่เห็นแหลรายวันนะเนี่ยะ
|
 |
หน้าใสใจคด
มันต้องไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาแน่ แม้จะแก้ตัวแก้ต่างอย่างไรก็คงจะเชื่อกันได้ยาก เนื่องจากขาดเหตุผลในการรองรับ ครับ...กำลังว่าถึง “กล้องหลอก” ไร้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการบันทึกภาพหรือกล้องดัมมี่ที่ติดตั้งใน กทม.กว่า 500 ตัว
กล้องโทรทัศน์วงจรปิดหรือซีซีทีวีนั้นเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ติดตั้งเพื่อแก้ปัญหาอาชญากรรม การจราจร หรือในหน่วยงาน อาคารต่างๆ ทั้งของราชการและภาคเอกชน เพื่อจะได้รับรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ใครทำอะไร ณ จุดไหน อย่างไร ทำให้สามารถรับรู้ได้เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นในอาคารหรือตามท้องถนน ซึ่งปัจจุบันนิยมใช้กันมากและราคาก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ที่เห็นชัดๆก็บรรดาร้านทอง เซเว่นอีเลฟเว่น ส่วนใหญ่จะติดกล้องลักษณะนี้ เมื่อมีการปล้นหรือเข้ามาขโมย กล้องจะทำงานและจับภาพต่างๆจนทำให้สามารถจับภาพหน้าคนร้าย ตลอดจนพฤติ กรรมต่างๆที่เกิดขึ้น ทำให้จับโจรได้มาหลายครั้งจากภาพที่ปรากฏ
กทม.มีนโยบายที่จะลดปัญหาอาชญากรรม จึงติดตั้งกล้องไว้ตามจุดต่างๆครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งหมดอย่างที่เห็นตามสี่แยกต่างๆ หากมองกันอย่างผิวเผินก็คงไม่คิดว่าจะมี “กล้องหลอก” ติดตั้งผสมผสานไปด้วย
จนกระทั่งความลับแตก เมื่อมีการพบว่าในจำนวนกล้องที่ติดตั้งกันนั้น ปรากฏมี “กล้องหลอก” ถึง 500 ตัว ก็เลยมีคำถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้
คำตอบจากผู้รับผิดชอบระบุว่า มีงบประมาณไม่เพียงพอ อีกทั้งติดตั้งไว้เพื่อหลอกโจรหรือผู้ที่คิดจะทำผิด หรือบันทึกภาพการชุมนุมทางการเมืองในเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาแล้ว แถมยังยกตัวอย่างที่อังกฤษก็มีการติดตั้งกล้องลักษณะนี้เหมือนกัน
เรื่องงบประมาณนั้นพอจะฟังขึ้น แต่เหตุผลอื่นๆที่ยกมาอ้างนั้นมันไม่มีน้ำหนักพอที่จะรับฟังได้ เนื่องจากมันไม่เป็นเหตุเป็นผล ไม่มีน้ำหนักพอที่จะให้ยอมรับหรือเชื่อถือได้ เพราะการทำเช่นนั้นมันไม่มีประโยชน์และต้องเสียเงินเสียทองไปเปล่าๆปลี้ๆ แม้จะอ้างว่ากล้องจริงราคาตัวละ 34,000-130,000 บาท แต่กล้องปลอมตัวละแค่ 2,500-2,700 บาทเท่านั้นเอง ซึ่งราคาต่างกันมาก แต่เมื่อกล้องปลอมมันไม่ได้ประโยชน์อันใด ทำไมต้องเสียเงินด้วย และเชื่อหรือว่าโจรมันจะกลัวเกรงหรือคนคิดจะทำผิดมันไม่กล้าทำ มิน่าล่ะเวลาเกิดเหตุอะไรขึ้นมาจะใช้ข้อมูลจากกล้องแทบจะใช้ไม่ได้หรือมักจะไม่ใช้ประโยชน์จากกล้องเท่าใดนัก เหตุผลมันคงเป็นเพราะ “กล้องหลอก” นี่แหละ...
มันจึงต้องตั้งคำถามต่อไปว่า แล้วทำไมผู้รับผิดชอบจึงต้องทำอย่างนี้ คำตอบสั้นๆง่ายๆก็คือความต่างในด้านราคาระหว่าง “ของจริง” กับ “ของปลอม” มันผิดกันมาก เงินแสนกับเงินพันมันจะเป็นตัวฟ้องได้อย่างดี
ลำพังการจัดซื้อจัดจ้างในส่วนกล้องของจริงนั้นมันก็มีได้มีเสียอยู่แล้ว แต่ราคาจากกล้องหลอกที่ต่างกันมาก ลองคิดดูซิว่า...จะฟาดกันไปเท่าใด
เรื่องนี้จะปล่อยให้เลยตามเลยหรือเชื่อจากคำชี้แจงคงไม่ได้แน่ เพราะมันไม่น่าเชื่อถือ และที่สำคัญการชี้แจงของผู้บริหารทั้งชุดแรกและชุดหลังก็ไม่ตรงกันอีก จึงน่าเชื่อว่างานนี้จะต้องมีนอกมีใน ไม่โปร่งใส และต้องมีการสอบสวนกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพื่อจะได้รู้ข้อเท็จจริงว่าใครทำอะไรกันไว้ จะได้ลงโทษกันให้ถึงที่สุด เพราะแม้กระทั่งเรื่องแค่นี้ด้วยมูลค่าก็ไม่มากนักก็เล่นแร่แปรธาตุตบตากันได้ โครงการใหญ่ๆมันมิยิ่งกว่านี้หรือ เห็นหน้าซื่อๆตาใสๆอย่างนี้ แต่แสบลึกจริงๆ.
“สายล่อฟ้า”
ที่มา...ไทยรัฐออนไลน์ โดย สายล่อฟ้า 24 กันยายน 2554, 05:00 น.
http://www.thairath.co.th/column/pol/gladai/203911
????????????????????????????????????ท
น้ำลดตอผุด.... ผุดแล้วผุดอีกแบบไม่สิ้นสุด....
พรรคการเมืองที่ทำความเสียหายให้กับประเทศไทยในทุกด้าน มากที่สุดในประวัติศาสตร์.......
จากคุณ |
:
tinthong
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ก.ย. 54 06:39:15
A:125.27.199.149 X:
|
|
|
|  |