เพื่อให้ต่อเนื่องกับนโยบายพลังงาน ขอข้ามเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ (เปลี่ยนเป็น รายได้ แล้ว) กับเรื่อง จำนำข้าวไปก่อนนะคะ
ขอพูดถึงนโยบายสุดเร่งด่วนสุดฮ็อตในวันสองวันนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นนโยบายซึ่งมีผลเกี่ยวเนื่องกับการใช้พลังงานน้ำมันค่ะ
เรื่อง คืนภาษีรถคันแรกไงคะ
รัฐบาลยิ่งลักษณ์จัดลำดับความเร่งด่วนของนโยบายคืนภาษีสรรพสามิตให้ผู้ซื้อรถยนต์คันแรกเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนอันดับต้นๆซะงั้น
มองซ้ายมองขวา มองหน้ามองหลังแล้ว โพ้นฟ้าไม่เห็นว่าจะมีความจำเป็นเร่งด่วนอะไรเลย
นอกจากต้องการกระตุ้นการบริโภคภายใน เพื่อเพิ่มอัตราการเติบโตของ GDP
ก็เท่านั้น ที่ต้องเร่งด่วน
จริงหรือไม่ ยินดีรับฟังข้อมูลจากผู้รู้คะ
ไม่เข้าใจเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วนของนโยบายนี้ จึงรู้สึกขัดใจเอามากๆ
เพราะรัฐบาลกำลังใช้เงินภาษีไปอุดหนุนอุตสาหกรรม
.ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว
ใช้เงินภาษีไปเพิ่มกำไรบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติ
..ที่ร่ำรวยอยู่แล้ว
ใช้เงินภาษีเพื่อสนับสนุนให้มีการเผาผลาญพลังงานน้ำมันให้มากขึ้น
จากปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นมากอยู่แล้ว
นโยบายมาเป็นแพ็คเกจเลยอ่ะ
จะให้คิดเป็นอื่นได้ยังไงคะ
เริ่มจากการลดราคาน้ำมันเบนซินซึ่งเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนใช้น้ำมันอย่างไม่ต้องประหยัดกันแล้ว
ยังเพิ่มแรงจูงใจการซื้อรถยนต์ด้วยการคืนภาษีสรรพสามิตให้อีก
ภาษีที่ประมาณการว่าจะสูญเสียไปประมาณ 30,000 ล้านบาท กับนโยบายนี้
ใครได้ประโยชน์สูงสุดคะ?
ถ้าไม่ใช่ ผู้ผลิตรถยนต์ค่ายต่างๆซึ่งล้วนเป็นต่างชาติทั้งสิ้น
อีกหนึ่งนโยบายที่พิสูจน์ถึงความไม่รอบคอบ ไม่ตกผลึกในความคิด
นี่คิดในแง่ดีแล้วนะคะ
เพราะถ้าคิดในแง่ร้ายคือ รัฐบาลยิ่งลักษณ์นำเงินภาษีของคนส่วนรวม ไปเอื้อประโยชน์กลุ่มคนรวยหยิบมือเดียว..แถมเป็นต่างชาติ
ยิ่งถ้ายอมเปลี่ยนเงื่อนไข จากที่กลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากกอินเดียและอเมริการ้องขอด้วยละก็
ฮึ่ม
ไม่มีอะไรต้องแก้ตัวเลยเชียว
เพราะเมื่อประกาศกฎเกณฑ์และเงื่อนไขคุณสมบัติของรถที่ผลิต และผู้มีสิทธิ์จะซื้อรถแล้ว
เพียงวันเดียว ก็ได้รับเสียงสะท้อนกระหึ่ม
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็เช่นเคยคะ
รีบหันมาทบทวน ทำท่าจะปรับเปลี่ยนเงื่อนไข
อีกแล้ว
หนักไปกว่าเก่าซะอีกค่ะ
เริ่มตั้งแต่เงือนไขตัวรถ ที่แต่แรก จะได้สิทธ์เฉพาะ รถที่ผลิตในประเทศ 1500 CC ลงมา
ปรากฏว่าผู้ผลิตรถยนต์นำเข้าโวยคะ หาว่ารัฐบาลสองมาตรฐาน
จึงจะขอขยายเงือนไขให้ครอบคลุมรถนำเข้าตั้งแต่ 1600 CC ลงมาด้วย
เรียกว่าจะกินหัวกินหาง กินกลางตลอดตัวเลย!!!
ไหนๆจะใช้ภาษีคนไทยอุดหนุนกันทั้งที ผู้ผลิตภาคอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว จึงจะขอรวยซะให้เข็ด อุอุ
ส่วนผู้ค้ารถยนต์มือสอง ซึ่งเป็นธุรกิจคนไทยล้วนๆ ก็ตัวใครตัวมันละกันนะจ๊ะ!!!!!
ก็เพียงแต่ภาวนาว่า รัฐบาลจะไม่บ้าจี้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขตามใจเศรษฐีผู้ผลิตรถต่างชาติที่เรียกร้อง
สรุป นโยบายคืนภาษีรถคันแรก อีกหนึ่งนโยบาย ที่ใช้เงินภาษีอย่างสุรุ่ยสุร่าย
นำเงินภาษี 30,000 ล้านบาท (อาจมากกว่าถ้ารวมรถนำเข้า 1600 CC ด้วย) ไปอุดหนุนผู้ผลิตที่ร่ำรวยอยู่แล้ว ยังแถมใจดีนำภาษีคนไทยไปเผื่อแผ่คนงานต่างชาติ ถ้าเงื่อนไขจะครอบคลุมรถนำเข้าด้วย
ก็ขนาดยังไม่มีนโยบายคืนภาษี ยอดผลิตรถยนต์รวม 8เดือน ( มค.- สค.54 ) ทะลุ 1.11 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 5.23 % จากช่วงเดียวกันกับปีก่อนไปแล้ว
เงินภาษีกว่า 30,000 ล้านบาท สามารถนำไปใช้ในโครงการจำเป็นสำคัญเร่งด่วนกว่านี้ได้
แต่รัฐบาลกลับเลือกที่จะใช้เงินภาษีกระตุ้นเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมยานยนต์
สนับสนุนอุตสาหกรรมแข็งแกร่งเติบโตสูงอยู่แล้ว อุตสาหกรรมที่ขาดแคลนแรงงานอยู่แล้ว
เพียงเพื่อเร่งการบริโภคภายในเพื่อ GDP ขยายตัวดี
เมื่อจำนวนรถยนต์เพิ่มขึ้น การใช้น้ำมันก็สูงขึ้น การนำเข้าน้ำมันสูงขึ้นตาม
ท้ายที่สุดแม้รัฐจะจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้สูงขึ้น แต่จะสามารถชดเชยปริมารการใช้น้ำมันที่สูงขึ้นตาม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องนำเข้าทั้งสิ้นจะคุ้มค่าหรือไม่
อีกหนึ่งนโยบาย ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ นะนี่ ? 