การลบล้างผลพวงของรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙
ตามที่คณะนิติราษฎร์ได้จัดทำแถลงการณ์เนื่องในโอกาสครบรอบ ๑ ปีนิติราษฎร์ และเผยแพร่สู่สาธารณชน
เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๔ ไปแล้วนั้น
ปรากฏว่าได้มีการนำเสนอข่าวสารโดยสื่อมวลชนจำนวนมากในลักษณะที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากข้อเสนอ
ของคณะนิติราษฎร์ จนสร้างความเข้าใจผิดแก่สาธารณชน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเสนอให้ ลบล้างผลพวงจากรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙
ประกอบกับมีผู้ตั้งคำถาม และวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่ได้ศึกษารายละเอียดของข้อเสนอดังกล่าว
ให้เข้าใจอย่างเพียงพอ คณะนิติราษฎร์จึงเห็นสมควรชี้แจงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้
๑.ในแถลงการณ์เนื่องในโอกาสครบรอบ ๑ ปีนิติราษฎร์ ๕ ปีรัฐประหาร คณะนิติราษฎร์มีข้อเสนอรวม ๔ ประเด็น
ได้แก่ การลบล้างผลพวงของรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙, การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒,
กระบวนการยุติธรรมกับผู้ต้องหาหรือจำเลยและการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายภายหลังรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙,
การยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
แต่ปรากฏว่าสื่อมวลชน นักการเมือง และบุคคลทั่วไปกลับมุ่งความสนใจไปในประเด็นแรก
เรื่องการลบล้างผลพวงของรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นพิเศษ
ซึ่งคณะนิติราษฎร์เห็นว่าสื่อมวลชนบางสำนัก และนักการเมืองจำนวนหนึ่งเข้าใจข้อเสนอของเราคลาดเคลื่อน
ทั้งโดยเจตนา และไม่เจตนา
๒. คณะนิติราษฎร์ขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าข้อเสนอเรื่องการลบล้างผลพวงของรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙
ไม่ใช่เป็นการนิรโทษกรรม หรือการอภัยโทษ หรือการล้างมลทินแก่บุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด
และไม่ใช่เป็นการลบล้างการกระทำทั้งหลายทั้งปวงของผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด
ดังนั้น หากจะเริ่มดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวใหม่ก็สามารถกระทำไปตามกระบวนการทางกฎหมายปกติได้
จึงไม่ควรมีบุคคลใดไปกล่าวอ้างอีกต่อไปว่าคณะนิติราษฎร์เสนอให้ ล้างผิด ให้แก่นักการเมืองที่ถูกกล่าวหา
และถูกพิพากษาจากกระบวนการที่ริเริ่มและสัมพันธ์กับรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙
๓. เหตุที่คณะนิติราษฎร์เสนอให้ประกาศลบล้างคำวินิจฉัยคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ คำาวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
และคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็เนื่องจากคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ
ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ได้นำเอาประกาศ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.)
มาใช้บังคับแก่คดี
จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าคำวินิจฉัยคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ
คำาวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญและคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
เป็นผลจากรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙
*** ยั ง มี ต่ อ ***