นับวันผมคิดว่า ผมยิ่งจะหลงรักคุณยิ่งลักษณ์มากขึ้นทุกทีเลยครับ

นี่ขนาดเริ่มทำงานแค่เดือนกว่าๆเท่านั้นเอง แต่เห็นถึงการพัฒนาในด้านต่างๆ โดยเฉพาะในด้านการเมือง ผมมีความรู้สึกว่า คุณยิ่งลักษณ์มีการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด ส่วนด้านความมุ่งมั่นในการทำงาน แน่นอนครับ เท่าที่ผมได้เห็น ได้รับรู้ ถ้าผมเป็นคนให้คะแนนได้ล่ะก้อ ผมคงต้องให้คะแนนเต็ม 10 ในเรื่องความมุ่งมั่นอย่างแน่นอนครับ ส่วนผลที่ได้จะสำเร็จหรือไม่ นั่นคงต้องให้เวลาเป็นคำตอบครับ ดีกว่าฟังคนโน้นคนนี้วิจารณ์ในเรื่องที่ยังไม่ทันเกิดขึ้น แล้วก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนสองกลุ่ม โดยหาประโยชน์อะไรไม่ได้เลย จริงไหมครับ

คราวนี้ผมจะขอพูดถึงความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณยิ่งลักษณ์ ที่ผมบอกว่าผมยิ่งจะหลงรักคุณยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่ว่าหลงรักเพราะรูปสวยนะครับ ไม่ใช่หลงรักเพราะความสง่า แต่ที่ผมหลงรักคุณยิ่งลักษณ์นายกฯของผม (ก็ผมเลือกของผมกับมือตัวเองนี่นา ก็ต้องเป็นนายกฯของผม) เพราะผมเห็นในหลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงเดือนที่ผ่านมา แล้วสรุปตามความคิดของผมเองว่า คุณยิ่งลักษณ์ได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้วครับ

แค่เรื่องการย้าย ผบ.ตร.เป็นไปอย่างราบรื่น พออกพอใจกันทั้งสองฝ่าย บรรยากาศช่างแตกต่างกับอดีตนายกฯที่ย้าย ผบ.ตร.ราวกับฟ้ากับเหว ไม่ต้องตั้ง รักษาการ ผบ.ตร.เป็นปี เพราะตั้ง ผบ.ตร.ไม่ได้ ไม่ต้องไปฟ้อง ผบ.ตร.เพื่อหาเรื่องให้ออกจากตำแหน่ง แล้วก็ไม่ต้องมี รักษาการแทนกับ ผบ.ตร.อยู่ในตำแหน่งพร้อมๆกันให้เป็นที่ไยไพของคนที่รู้เรื่อง อย่างนี้จะไม่ให้ผมหลงรักนายกฯได้อย่างไร ว่าไหม

ส่วนว่า ผบ.ตร.คนใหม่ ผมไม่ได้สนใจหรอกครับ จะนามสกุลอะไร จะเกี่ยวโยงกับใคร แต่ถ้านับตามอาวุโสก็จัดอยู่ในลำดับอาวุโสสูงสุด ถ้าพูดถึงความยอมรับของคนในองค์กร ก็ได้รับการยอมรับกันเต็มที่ และถ้าเป็นการเลือกคนให้ถูกกับงาน ผมก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะนโยบายของรัฐบาลคือต้องการลดยาเสพติดให้ได้ภายใน 1 ปี และเมื่อเห็นการทำงานของรักษาการ ผบ.ตร.คนนี้ ซึ่งมีความเข้มแข็ง ใส่ใจและรู้ปัญหา  อย่างนี้ผมรู้สึกว่า ความหวังในการลดยาเสพติดต้องเห็นเป็นรูปธรรมอย่างเด่นชัดแน่ๆครับ อย่างนี้จะไม่ให้ผมพอใจได้อย่างไรครับ

เหลียวกลับไปมอง ผบ.ตร.คนเดิมที่มาจากความพยายามของคุณอภิสิทธิ์ ก็แค่คดีจ่าเพียร ซึ่งก่อนที่จะเป็น ผบ.ตร. ก็ได้เป็นประธานในการตรวจสอบข้อเท็จจริง จนได้เป็น ผบ.ตร.ที่มีอำนาจเต็ม แต่เรื่องของจ่าเพียรที่ผ่านมาเกือบสองปี ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า แล้วจะไปแก้ปัญหาที่ใหญ่กว่านี้ได้อย่างไร ดังนั้นการสับเปลี่ยน ผบ.ตร.ผมจึงเห็นว่าเป็นเรื่องสมควรอย่างยิ่ง ถูกใจผมอย่างยิ่งเลยครับ

มาถึงเรื่องการเปลี่ยน เลขาธิการ สมช. ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับเขาด้วย เพราะเมื่อมาจากวิถีทางการเมือง ก็ไปตามวิถีของมัน นี่แหละที่เขาเรียกว่า กฎแห่งกรรมล่ะครับ ส่วนที่คุณถวิลไปฟ้อง ก.พ.ค.ตามแรงยุของฝ่ายค้าน ผมก็มีความเห็นตรงกับที่คุณวงศ์ศักดิ์ออกมาพูดว่า มันคนละเคสกันครับ
คุณวงศ์ศักดิ์ ถูกย้ายเพราะไม่สนองกับการอนุมัติปืนลูกซอง 3 พันกระบอก เพื่อนำมาปราบปรามประชาชน
คุณถวิล กลับเป็นหนึ่งใน ศอฉ.ที่กำลังมีข่าวเกี่ยวข้องกับสังหารหมู่ อย่างน้อย 13 ศพ ดังนั้นเพื่อความโปร่งใส ก็สมควรอยู่ครับที่ท่านต้องออกไปจากหน้าที่นี้ ผมเลยไม่ติดใจในเรื่องนี้ครับ

ส่วนการแต่งตั้ง ปลัดมหาดไทย ผมก็คิดว่าเป็นไปตามระบบคุณธรรมอย่างที่คุณอภิสิทธิ์ชอบที่จะอ้างถึง (ทั้งที่ตัวเองชอบทำตามอำเภอใจ) ดังนั้นเราจึงไม่ได้เห็นการคัดค้านจากประชาชน โดยเฉพาะฝ่ายค้านที่ค้านทุกเรื่อง แต่สำหรับเรื่องนี้ยังต้องยอมรับ อย่างนี้เลยเพิ่มดีกรีความรักของผมต่อคุณยิ่งลักษณ์มากยิ่งขึ้น

ต่อมาก็มาถึงนโยบายที่หาเสียงไว้ คุณยิ่งลักษณ์ก็มีความตั้งใจที่จะทำให้ตามนโยบายที่หาเสียงไว้ และก็เริ่มทำทันทีตามที่หาเสียงไว้ ไม่ว่าจะเป็นค่าแรง 300 บาท ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน 15000 ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังแรก หรือรถยนต์คันแรก ล้วนแต่ทำเพื่อประชาชนทุกภาคส่วน ส่วนตัวผมประทับใจมากครับกับความพยายามและความกล้าหาญที่จะทำในสิ่งใหม่ๆ ถึงแม้จะมีคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์แค่ไหนก็ตาม คุณยิ่งลักษณ์ก็มีสมาธิไม่วอกแวก ทำงานต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ และจุดเด่นที่สำคัญที่ผมมองเห็นในตัวคุณยิ่งลักษณ์ก็คือ ยอมรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลาย แล้วพร้อมจะนำมาปรับเปลี่ยนตลอดเวลา ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ ไม่ดันทุรังหรือแก้ตัวเหมือนกับอดีตนายกฯหมาดๆคนนั้น นี่จึงเป็นเรื่องที่ผมชื่นชมเป็นอย่างมากเลยครับ

อย่างค่าแรง 300 บาท เมื่อมีคนออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องการล้มละลายของธุรกิจเอสเอ็มอีมากมายนั้น ท่านก็พร้อมจะนำร่องก่อนสัก 7 จังหวัด เพื่อดูผลของมันก่อน นี่คือการยอมรับฟังทุกความคิดเห็น ซึ่งถ้าเป็นผม ผมอาจจะดันทุรังทำต่อไป ส่วนธุรกิจไหนทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องเข้าโครงการ แต่ก็ไม่ได้ลดหย่อนภาษี แล้วผมก็จะส่งสรรพกรเข้าไปตรวจสอบบัญชีของธุรกิจเหล่านี้ว่า จริงหรือที่การลดหย่อนภาษีไม่คุ้มกับค่าแรงที่เพิ่มขึ้น แต่ท่านก็ไม่อยากทำอย่างนั้น นี่ก็เป็นอีกหนึ่งประทับใจของผมที่มีต่อนายกฯครับ

ส่วนรถยนต์คันแรกและบ้านหลังแรกนั้น ถึงแม้จะมีคนออกมาตำหนิติเตียนถึงเรื่องคนจนไม่ได้อานิสงค์ในสองเรื่องนี้ บางคนโยงไปถึงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือทุจริตเชิงนโยบายไปโน่น ส่วนตัวผมมองว่า คุณยิ่งลักษณ์ทำถูกต้องแล้วครับ ก็ในเมื่อเรามีนโยบายค่าแรงให้กับกลุ่มผู้ใช้แรงงาน เรามีนโยบายกลุ่มบัณฑิตผู้จบใหม่ เรามีนโยบายเพื่อกลุ่มชาวนา เรามีนโยบาย 30 บาทเพื่อคนจน เรามีนโยบายกองทุนหมู่บ้าน เพื่อชุมชน เรามีนโยบายพักหนี้เกษตรกร แล้วเรายังมีอีกหลายมาตรการที่ทำเพื่อช่วยเหลือคนจน มีหลายโครงการที่ยังต้องสานต่อกับนโยบายของพรรคไทยรักไทยในอดีต แล้ววันนี้เราจะช่วยเหลือกลุ่มคนชั้นกลางที่เสียภาษีให้รัฐอย่างสม่ำเสมอไม่ได้เชียวหรือครับ ผมจึงคิดว่า นี่จึงเป็นการครอบคลุมกลุ่มคนทุกชนชั้นทุกหมู่เหล่า ไม่ว่าคุณจะเป็นชนชั้นไหน ย่อมได้รับผลประโยชน์จากนโยบายของรัฐไม่โครงการใดก็โครงการหนึ่ง อย่างนี้จะไม่ให้ผมหลงรักคุณยิ่งลักษณ์มากขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อคุณยิ่งลักษณ์กำลังพยายาม “ให้”กับคนทุกระดับชั้น ตรงกันข้ามกับฝ่ายค้าน พยายามทุกวิถีทางที่จะขัดขวางการ “ให้”ของรัฐบาล ทุกท่านว่าจริงหรือเปล่าครับ

แล้วก็มาถึงเรื่องของการช่วยน้ำท่วม แม้สื่อฯจะไม่ค่อยนำเสนอถึงความพยายามจะช่วยน้ำท่วมของรัฐบาลก็ตาม แต่จากภาพทางอินเตอร์เนท และข่าวที่ได้รับมานั้น ผมก็เห็นถึงความพยายามในการช่วยเหลืออย่างไม่กลัวเหน็ดกลัวเหนื่อย ไม่มีการพักแม้จะเป็นวันหยุด ซึ่งเราจะไม่ได้เห็นในสองปีที่ผ่านมา แม้แต่โพลสำรวจก็ยังให้คะแนนคุณยิ่งลักษณ์ 5.8 เท่ากับคุณอภิสิทธิ์ตอนเป็นนายกฯ แต่ก็อย่าลืมนะครับว่า คุณอภิสิทธิ์มีโอกาสแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำท่วมถึง 2 ครั้งในสองปี ส่วนคุณยิ่งลักษณ์มีเวลาแค่เดือนกว่าเท่านั้นเอง ดังนั้นเมื่อผลออกมาเป็นเช่นนี้ ผมจึงคิดว่า ถ้ามีเวลามากพอเท่ากับคุณอภิสิทธิ์ ผมกล้ารับรองว่าผลที่ได้ต้องดีกว่าคุณอภิสิทธิ์มากมายอย่างแน่นอนครับ

ส่วนบางท่านอาจบอกว่า ผลสำรวจออกมาว่า รัฐบาลแก้ไขปัญหาล่าช้ากว่าสื่อฯเสียอีก ผมก็ยอมรับครับ แต่เราต้องมองถึงหลักความเป็นจริงครับ รัฐบาลมีหน้าที่แก้ไขปัญหาโดยตรง ดังนั้น เมื่อรัฐบาลแก้ปัญหาน้ำท่วมไปได้ส่วนมาก แต่ส่วนน้อยก็คงไม่พอใจที่รัฐบาลดูแลไม่ทั่วถึง ผิดกับสื่อฯที่ไม่มีหน้าที่โดยตรง เมื่อเข้าไปช่วยเหลือพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ย่อมได้รับความชื่นชมจากชาวบ้านเป็นธรรมดา เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับผม

นี่ยังไม่รวมถึงความสัมพันธ์ที่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดกับต่างประเทศ โดยเฉพาะเขมร อย่างน้อยเราก็ได้เห็นถึงมิตรภาพที่พึงมีต่อกันในฐานะบ้านใกล้เรือนเคียง เราได้เห็นถึงความสงบสุขของพี่น้องตามชายแดนที่ไม่ต้องคอยพะวงกับภัยสงคราม เราได้เห็นถึงโอกาสที่จะได้ 2 คนไทยที่รัฐบาลชุดก่อนส่งไปให้เขาจับ ได้กลับสู่มาตุภูมิอย่างปลอดภัย ส่วนการเจรจาทวิภาคีก็มีแนวโน้มจะเป็นไปได้โดยที่เราไม่ต้องเที่ยวประกาศ แล้วเรื่องที่ฝ่ายค้านพยายามแก้ขวยด้วยการอ้างถึงการที่ไทยอาจต้องเสียผลประโยชน์ ผมคิดว่า ไม่น่าจะต้องเป็นห่วงมากนัก เพราะเรื่องเหล่านี้สังคมกำลังจับตามองกันแบบนี้ คุณยิ่งลักษณ์คงไม่ทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดนหรอกครับ และเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวก็คงไม่มีนะผมว่า เพราะผมได้ข่าวแต่การเตะฟุตบอลเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี ไม่เห็นมีข่าวไปแอบกินแกงเลียงสักหน่อย เพียงแต่ผมหวังว่า พวกเราควรจะลืมตามองโลกแห่งความเป็นจริงเสียบ้างก็ดีนะครับ การเจรจาต้องอยู่บนพื้นฐานของต่างคนต่างได้ ต่างคนต่างเสีย และต้องพึงพอใจทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่หวังเอาแต่ได้อย่างเดียวดังที่รัฐบาลก่อนพยายามทำ หรือไม่ก็พยายามดีสเครดิตในเรื่องที่เราเสียเปรียบ โดยไม่พูดถึงเรื่องที่เราได้เปรียบล่ะก้อ ชาตินี้ก็อย่าหวังว่าจะเจรจากกับใครรู้เรื่องหรอกครับ

จากหลายๆเรื่องดังกล่าว ถึงแม้จะมีหลายเรื่องที่ยังมีปัญหาอยู่ แต่อย่างว่าแหละครับ ถ้าไม่ทำก็จะไม่มีวันรู้ถึงปัญหา และเมื่อมีปัญหาก็หาทางแก้กันไป นี่จึงเป็นนักบริหารที่ทำงานเป็นครับ ไม่ใช่นักบริหารที่ทำงานด้วยปากอย่างเดียว เพราะแบบนั้นชาตินี้ถึงชาติหน้าก็จะไม่มีวันรู้ปัญหาอย่างแท้จริง ทั้งหมดนี้จึงทำให้ผมหลงรักคุณยิ่งลักษณ์เพิ่มมากขึ้นทุกวันดังที่เกริ่นไว้แต่ต้น ก็ผมเลือกของผม และเมื่อทำงานให้ผมอย่างจริงจัง แค่เดือนเศษๆในการทำหน้าที่ ผลงานออกมามากเสียยิ่งกว่าคนที่ทำงานตั้งสองปี อย่างนี้ใครจะว่าผมอวยก็ว่ากันไป แต่สำหรับผมคงจะถลำลึกจนยากที่จะถอนตัวแล้วล่ะครับ อย่างนี้ใครจะว่าผมผิดผมก็ยอมครับ

จากคุณ	: ทวดเอง
เขียนเมื่อ	: 26 ก.ย. 54 11:29:03 A:27.130.118.77 X: