ปัญหาเรื่องเขาพระวิหาร พื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร และพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล
|
 |
การพิจารณาปัญหาเหล่านี้ ก่อนอื่นเราต้องตอบคำถามนี้ให้ได้เสียก่อน
มีคำถามว่า เราจะเอาตัวเราเป็นคนไทยตอนไหน ?
ถ้าบอกว่าตอนสมัยสุโขทัย ก็ต้องรักษาอาณาเขตดินแดนเฉพาะที่เป็นของอาณาจักรสุโขทัยไว้ ส่วนอื่นก็คืนเขาไป
ถ้าบอกว่าตอนสมัยอยุธยา ก็ต้องรักษาอาณาเขตดินแดนเฉพาะที่เป็นของอาณาจักรอยุธยาไว้ ส่วนอื่นก็คืนเขาไป ถ้าบอกว่าตอนสมัยกรุงธนบุรี สมัยพระเจ้าตากสิน ก็ต้องรักษาอาณาเขตดินแดนของกรุงธนบุรีไว้ ซึ่งเป็นสมัยที่ อาณาจักรสยาม(ไทย)กว้างใหญ่ที่สุด คือมีเมืองมีรัฐที่เป็นประเทศราชมากมาย ทิศใต้จรดรัฐกลันตัน รัฐตรังกานู ประเทศมาเลเซีย เกาะปีนังหรือเกาะหมาก ก็เป็นของสยาม ทิศตะวันตกจรด เมืองทะวาย มะริด และตะนาวศรี ประเทศพม่า ทิศเหนือคือดินแดนของประเทศลาวเกือบทั้งประเทศ เป็นของสยาม และทิศตะวันออก ประเทศเขมรทั้งประเทศ เป็นของสยาม ในสมัยนั้น เพราะฉะนั้นถ้าเราถือเอาตัวเราเป็นไทยตอนสมัย อาณาจักรธนบุรีสมัยพระเจ้าตากสิน เราไม่ต้องยกกองทัพไปตีเมืองประเทศราชต่างๆเหล่านี้กลับมาเป็นของเราหรือ
ต่อมาหลังจากสมัยพระเจ้าตากสิน มาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ นับตั้งแต่รัฐกาล ที่ 1 จนถึงรัชกาลที่ 5 เราก็เสียดินแดนที่เราเคยยึดครองมาเรื่อยๆ ในสมัยรัฐกาลที่ 5 เราก็ต้องยอมเสีย เสียมราฐ พระตะบอง และศรีโสภณ รวมทั้งเกาะกง ทางฝั่งประเทศเขมรให้กับฝรั่งเศสไป จนกระทั่งล่าสุดเมื่อ พ.ศ.2505 เราก็เสียดินแดนที่เราเคยยึดครองอย่างปราสาทเขาพระวิหารไป จากคำตัดสินของศาลโลก
แต่ถ้าเรายึดเอาตัวเราเป็นไทยในสมัยปัจจุบันนี้ เราก็ต้องยอมรับว่า เรามีดินแดนเท่าที่เรามีอยู่นี้เท่านั้น ส่วนเมืองประเทศราชต่างๆที่เราเคยไปตี ไปยึดของเขามา ในสมัยพระเจ้าตากสิน เราก็คงจะไม่สามารถไปรุกรานเพื่อเอากลับมาเป็นของเราได้ และถ้านับต้นตระกูลกันจริงๆ ตัวเราเองก็อาจจะไม่ใช่คนของ อาณาจักรสุโขทัย อาณาจักรอยุธยา อาณาจักรธนบุรี อาณาจักรสยาม หรือเป็นคนไทย 100 % ก็ได้ ปู่ย่าตาทวด ทวดของทวดของทวดเรา อาจจะเป็นประชาชนพลเมืองของเมืองประเทศราชที่ถูกอาณาจักรสุโขทัย อาณาจักรอยุธยา อาณาจักรธนบุรี หรืออาณาจักรสยามมายึดบ้านยึดเมืองไปก็ได้ อันนี้ผมอธิบายให้เห็นภาพกว้างๆ เพื่อความเข้าใจ
คราวนี้มาว่ากันถึงพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทยกับกัมพูชา 4.6 ตารางกิโลเมตร รวมทั้งพื้นที่บริเวณปราสาทเขาพระวิหาร มันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตอนที่ประเทศกัมพูชาหรือเขมรเขาไปขอพึ่งประเทศมหาอำนาจและนักล่าอาณานิคมอย่างฝรั่งเศส แล้วประกาศตนเป็นเอกราชออกจากการเป็นประเทศราชของประเทศสยาม(ไทย) ฝรั่งเศสเขาเอาเรือรบมาปิดอ่าวไทย เพื่อบีบให้เรา(สมัยรัฐกาลที่ 5) ยกเสียมราฐ พระตะบอง และศรีโสภณ รวมทั้งเกาะกง คืนให้กับเขมร ซึ่งตอนนี้เอง เราก็ลากแผนที่ของเราโดยยึดเอาแนวสันปันน้ำเป็นหลัก เขาก็ลากเส้นแผนที่ของเขา จนเกิดกรณีของปราสาทเขาพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรขึ้นมา เืรื่องของเขาพระวิหารกัมพูชาเขาขอพึ่งศาลโลกให้ช่วยตัดสิน ศาลโลกก็ตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของเขมร ตอนนั้นก็ไม่ได้มีปัญหาความรุนแรงอะไร และเราเองก็ยอมรับคำตัดสินของศาลโลก ไม่ได้โต้แย้งอะไรมาหลายสิบปี
จนกระทั่งกัมพูชาเขาไปขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งจะต้องไปเกี่ยวข้องกับส่วนอื่นๆรอบๆตัวปราสาท ซึ่งเป็นดินแดนของไทย จึงได้เกิดปัญหาข้อพิพาทกันขึ้น จนลามมาถึงเรื่องของพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งความจริงก่อนหน้านี้ก็มีการเจรจาและมีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา เกิดขึ้นแล้ว และกำลังดำเนินการเพื่อปักปันเขตแดนถาวรกันอยู่ อย่างสันติวิธี เพราะทุกคนตระหนักดีว่า สำหรับพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรนี้ ถ้าไทยเราจะยึดเอาตามแผนที่ของเราทั้งหมดเลยหรือกัมพูชาจะยึดเอาตามแผนที่ของเขาทั้งหมดเลย ก็ต้องมีการรบกันอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องมันก็จะลุกลามใหญ่โตกันไปใหญ่ หรือถ้าไม่ทำอะไรเลยก็จะมีปัญหากระทบกระทั่งกันอยู่ไม่มีวันจบสิ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีกับใครเลย
เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดเพื่อให้มีเขตแดนระหว่างกันและกันที่ชัดเจนเสียที ประชาชนในบริเวณนั้นจะได้อยู่กันอย่างสงบสุขและสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่นั้นได้ โดยไม่ต้องเสี่ยงต่อการถูกยิง หรือถูกจับกุมตัว อีกต่อไป ก็คือการสำรวจและพิจารณาปักปันเขตแดนร่วมกัน ให้เสร็จสิ้น โดยให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา เขาทำงานของเขาให้เสร็จสิ้น เราก็รักษาผลประโยชน์ของเราอย่างเต็มที่ เขาก็รักษาผลประโยชน์ของเขาอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน อย่าเอาประเด็น เรื่องเขาพระวิหารและเรื่องของ 4.6 ตารางกิโลเมตร มาปลุกระดมให้คนคลั่งชาติ ทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นเขาเดือดร้อนกันอีกเลย ขอร้องละครับ ก็อย่างที่นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ไทยท่านว่า "เราไม่ได้เสียดินแดน แต่เราไม่ได้ดินแดนนั้นมา" ก็แค่นั้นเอง
ส่วนเรื่องของพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลก็เหมือนกัน ถ้าตกลงปักปันกันไม่ได้เสียที เขากับเราก็ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำมันและกา๊ซบริเวณนั้นไม่ได้ ถ้าเจรจาสำรวจและพิจารณาปักปันกันเสียให้เรียบร้อย เราก็ได้ประโยชน์ เขาก็ได้ประโยชน์ มหาศาล ไม่มีใครเสียหายอะไร แต่ถ้าเราจะเอาที่ดินใต้ปราสาทเขาพระวิหารบ้าง จะเอาพื้นที่ทับซ้อนทั้ง 4.6 ตารางกิโลเมตรบ้าง จะเอาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลทั้งหมดบ้าง ก็เดือดร้อนต้องรบราฆ่าฟันกัน ประชาชนทั้ง 2 ประเทศเดือดร้อน เสียหายกันทั้ง 2 ฝ่าย ไอ้ที่คิด ไอ้ที่ปลุกระดมกันนั้น คิดมากไปหรือเปล่า คนชายแดนเขาเดือดร้อน หยุดกันได้แล้ว พอสักที ฝากไว้แค่นี้ครับ
แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 54 11:12:41
จากคุณ |
:
ALTISTK
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ก.ย. 54 11:10:08
A:180.183.193.30 X:
|
|
|
|