เท่าที่ติดตามมา จุดใหญ่ใจความของผู้สนับสนุนรัฐประหารจะใช้"ศาล"เป็นเครื่องมือนะครับ

เริ่มต้นจะแสดงการดัดจริตทำเป็นไม่เห็นด้วยกับรัฐประหารก่อนเช่นการให้สัมภาษณ์ของ"นายสัก กอแสงเรือง"เป็นต้น แล้วลงท้ายก็จะกลายเป็นเห็นดีเห็นงาม โดยอ้างว่ากระบวนการนั้นๆได้นำมาสู่การพิจารณาโดย"ศาล"อย่างชอบธรรมแล้ว จบ ห้ามรื้อ
อิตา"สมคิด"อธิการมธ. ก็เช่นกัน อ่านดูดีๆ ตัดความยอกย้อนซ้ำซากออก ก็มีจุดยืนเรื่องนี้เหมือนกัน คือห้ามล้มล้างผลจากรัฐประหาร เพราะมันผ่าน"ศาล"แล้ว "ศาล"เป็นสิ่งที่ถูกต้อง มีกระบวนการต่อสู้คดีกันอย่างชัดเจน จำเลยก็มีความชอบธรรมในการต่อสู้คดี แต่ก็แพ้ โดนตัดสินออกมา ดังนั้นจะให้ยกเลิกกันไปทำไม่ได้ ห้ามทำ

วันนี้เห็นบทความอันใหม่จาก นาย"กิตติศักดิ์ ปรกติ" นักวิชาการจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เขียนบทความมีเนื้อหาเกี่ยวกับแถลงการณ์ของ "คณะนิติราษฎร์" ลงเผยแพร่ในเฟซบุ๊กส่วนตัวและมติชนนำมาเผยแพร่ ตามนี้
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1317121478&grpid=&catid=02&subcatid=0207

อ่านแล้วเหมือนจะดีนะครับในตอนแรกๆ แต่ลงท้ายสรุปแบบเดียวกันคือ ยอมจำนนต่อรัฐประหาร ถ้าการรัฐประหารนั้นๆมี"ศาล"มารับไม้ต่อให้ก็ถือว่า"จบ" ห้ามหือห้ามอืออะไรทั้งนั้น ห้ามรื้อฟื้น เพราะสิ่งที่เราต้องยอมรับในประเทศนี้คือศาลท่านเป็นคนกลาง เป็นคนดีที่หนึ่ง ถ้าไม่ยอมรับศาลบ้านนี้เมืองนี้ก็จะไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวไม่มีขื่อไม่มีแป อยู่กันไม่รอดแน่ๆหลังๆนี่ผมเพิ่มเติมขยายความจากนัยยะของพวกเขามานะครับ ลองดูของนาย"กิตติศักดิ์ ปรกติ"สักท่อนก็ได้ครับ

"ข้อที่น่าคิดต่อไปอยู่ที่ว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองของไทยเรา ซึ่งมีผู้พิพากษาเป็นผู้พิพากษาอาชีพทั้งหมด และมีกระบวนการพิจารณาที่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาต่อสู้ได้เต็มที่ตามกฎหมาย เลือกทนายความของตนเองได้อย่างอิสระ จะไปเทียบกับการตัดสินขององค์การก่อการร้ายที่แฝงอยู่ในรูปของศาลนาซีได้อย่างไร?"

เห็นไหมครับ ศาลไทยดีที่หนึ่งเลย นี่คือประเด็นหลักในการหยิบมาสนับสนุนรัฐประหารของพวกเขา รัฐประหาร เลือกที่จะส่งต่อให้ศาลดำเนินการต่อ ที่พวกเราก็คุ้นเคยกันดีกับคำว่า"ตุลาการภิวัฒน์" แล้วที่เหลือก็ห้ามใครแตะต้องเพราะว่า
"ศาล"อยู่เหนือคำวิพากษ์วิจารณ์ พูดไม่ดี หมิ่นศาลก็จะติดคุกกันเอา
"ศาล" เป็นองค์กรอิสระ ไม่เกี่ยวข้องกับคณะรัฐประหารแต่อย่างใด (จริงไหม?)
"ศาล"ไม่ได้ถูกตั้งจาก คมช. และมีความเชื่อเป็นพื้นฐานว่า "เป็นอิสระ ในที่นี้ก็คือต้องเป็นคนกลาง ที่เข้าสู่ตำแหน่งเพราะมีคุณสมบัติเป็นที่ประจักษ์ทั้งในทางคุณวุฒิ และทางคุณธรรม ไม่ใช่ตั้งกันตามอำเภอใจของผู้มีอำนาจ แต่ตั้งขึ้นจากบุคคลที่ผ่านการคัดเลือกตามเกณฑ์ที่พอจะทำให้น่าเชื่อได้ว่า บุคคลเหล่านี้ล้วนมีคุณวุฒิเป็นผู้รู้กฎหมาย รู้ผิดชอบชั่วดี และเป็นผู้ทรงคุณธรรมคือวินิจฉัยตัดสินคดีไปตามความรู้และความสำนักผิดถูกของตน โดยตั้งตนอยู่ในความปราศจากอคติ และมีหลักเกณฑ์ทางจรรยาบรรณคอยควบคุม"
(ตามความเชื่อของ คุณกิตติศักดิ์ ปรกติ- อจ. มธ ที่ออกมาค้าน อ.วรเจตน์)

แม้แต่ประเด็นของฝ่ายค้านในวันนี้ของห้องราชดำเนินก็เช่นกัน ผมไม่จำเป็นต้องอ่านในกระทู้ให้เสียเวลา เพียงเห็นหัวกระทู้ก็รู้แล้วว่า เล่นไม้นี้

ผมเองมีปัญญาจำกัด ไม่สามารถหาคำตอบแก้ลำสำหรับปัญหานี้ได้ แต่ด้วยความรู้สึก ด้วยหัวใจ ผมตอบได้เลยว่าไม่ใช่แล้วเว้ย ไม่ถูกนะ ที่ผ่านมามีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่ตั้งเยอะ คำว่า"ตุลาการภิวัฒน์"ที่เรียกๆกัน มันมีความหมายที่แท้จริงอย่างไร จะหมายทางบวกเท่านั้นหรือ? ไม่ได้มีนัยยะด้านอื่นเลยหรือ?เรื่องราวที่เปิดโปงให้ทราบๆกันเช่นการชุมนุมของคนสำคัญ 3-4คนนั่น จะให้ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกระนั้นหรือ? คลิบฉาวนั้นก็อีกเล่า สรุปแล้วองค์กรนี้ถือว่าไม่มีปัญหาและควรคงความ "untouchable" เอาไว้ตลอดไปเช่นนั้นหรือ หรือว่าเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่ต้องพิจารณาหาทางแก้ไขกันแน่ ในความคิดผม อำนาจทุกชนิดที่มีใช้ ควรสามารถตรวจสอบได้ในทางใดทางหนึ่งทั้งสิ้น

แล้วสังเกตุไหมครับ ในจำนวนนักวิชาการทั้งหลายที่ออกมาโต้แย้งคณะนิติราษฏร์นั้น ไม่มีใครพูดถึง การป้องกันรัฐประหารไม่ให้เกิดขึ้นอีกจะทำได้อย่างไร
การนิรโทษกรรมตัวเองย้อนหลังไม่ให้เอาผิดได้ทั้งในอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต คณะรัฐประหารทำได้แบบสบายๆมีเนติรชั้นนำรับใช้อย่างดี และเป็นที่ยอมรับ
การออกกฏหมายย้อนหลังเอาผิดคนแบบนี้มีที่ไหนในโลก ทำได้ด้วยหรือ?

ทั้งๆที่นี่คือจุดหลักที่คณะนิติราษฏร์ต้องการจะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นต่อไปอีกในบ้านเมือง

ดังนั้นด้วยเหตุนี้ ผมจึงเชื่อได้ว่าคนเหล่านั้นเห็นดีงามกับการรัฐประหารที่ผ่านมา ซึ่งคนที่รัฐประหารถ้าไม่สำเร็จมักจะโดนเรียกว่า"ทรราช"ครับ อันนี้สำเร็จ แต่ผมก็อยากจะใช้คำนี้อยู่ดีครับ

จากคุณ	: แอบมาซุ่ม
เขียนเมื่อ	: 28 ก.ย. 54 06:58:21 A:171.4.13.129 X: