วันนี้ได้มีโอกาสฟังคุณจอม เพชรประดับคุยกับตัวแทนของสภาทนายความ ต่อมาก็คุยกับตัวแทนคณะนิติราษฏร์ รายแรกเหมือนคนรับของโจร ที่ปากบอกรังเกียจโจรแต่ก็พยายามหาเหตุผลมาต่อต้านคนที่คิดจะปราบโจร ส่วนรายการหลังทำให้มีกำลังใจว่าบ้านนี้เมืองนี้มันยังไม่สิ้นคนดี เสียดายว่าถ้าคุณลุงนวมทอง ได้มีโอกาสฟังคำแถลงการณ์ และความมุ่งมั่นในการต่อต้านรัฐประหารของคณะนิติราษฏร์ก่อนที่จะคิดผูกคอตาย คุณลุงนวมทองคงไม่สิ้นหวังในชีวิตขนาดนั้น
เห็นบทบาทของอาจารย์ในคณะนิติราษฏร์แล้วก็ให้นึงถึง คนผมยาวอาชีพสอนวิชารัฐศาสตร์จุฬาฯ ที่ฉีกบัตรเลือกตั้งเมื่อปี 2549 คนประเภทนั้นไม่อยากเรียกว่าอาจารย์เลย ถ้าไม่มีคณะนิติราษฏร์ก็คงไม่ทราบว่านักวิชาการเมืองไทยไม่ได้ถูกสะกดจิตให้สมองกลวงกันไปหมด
ในสังคมไทยยังมีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารครั้งที่ผ่านมา แต่อาจไม่อยากพูดอะไรเพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องการเมืองตกลงผลประโยชน์กันได้ก็แล้วกันไป เหมือนสมบัติผลัดกันชม
ยังมีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับความอยติธรรม สองมาตรฐาน ผลาญเงินภาษีของประชาชน แต่ไม่อยากพูดเพราะกลัวว่าจะกลายเป็นพวกอดึตนายกทักษิณ หรือเป็นเสื้อแดง
มาถึงวันนี้ วันที่คนไทยส่วนใหญ่ได้ลงคะแนนเสียงบอกให้รู้ว่าไม่ได้ตกอยู่ใต้มนต์สะกดจิตให้โกรธ เกลียดอดีตนายกทักษิณ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาสะอาดบริสุทธิ์โดยไม่ต้องพิสูจน์ใด ๆ ดิฉันเห็นสอดคล้องกับอาจารย์วรเจตน์ว่า ข้อกล่าวหาต่าง ๆ ควรดำเนินการพิจารณากันตามหลักนิติธรรมอย่างถูกต้องตามหลักสากล แล้วพวกที่กล่าวหาเขาหล่ะ พวกนี้ก็ควรรับผิดชอบด้วยเพราะเรื่องจุดประเด็นให้เหตุผลในการทำรัฐประหาร อยากดูว่าใครจะเสนอหน้าออกมาบ้างนอกจากนายสนธิ
ถึงแม้ว่าปัจุบันเราจะได้รัฐบาลที่เรียกได้ว่ามาจากการเสียสละเลือดเนื้อของประชาชนส่วนหนึ่ง แต่ก็บอกได้เลยว่าในเรื่องของการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นธรรมในสังคมนั้น ไม่ไว้วางใจนักการเมืองเลย เพราะพอได้อำนาจบริหารมาก็มักจะพะวงกับการประณีประนอมกลุ่มอำมาตย์ พยายามประจบเอาใจเพื่อจะไม่โดนรังแก แล้วก็ทำงานหาคะแนนเสียงกับชาวบ้านไปด้วยเท่านั้น
เมื่อไรหนอเขาจะรู้จุดตายของพวกถ่วงความเจริญของชาติซะที ขอบคุณคณะนิติราษฏร์ที่ช่วยชี้แสงสว่างในประเทศให้ เสียดายอาจารย์ตุ้มไม่ได้เป็นนายกฯ แค่วันเดียวก็เปลี่ยนประเทศนี้ได้