จากรายการกระชับข่าวค่ะ คลิกดูคลิป
ขาดทุนย่อยยับค่ะ รายได้อยู่ที่ 6.9 ล้าน คนดูแผ่วจนต้องถอดออกจากโรง (ได้ทุนจาก รบ.มาร์ค 8 ล้านกว่า)
ในข่าวเขาวิเคราะห์ใน 2 ประเด็นคือ
1. การเมือง 2 เด้ง คือ เด้งหนึ่ง ตั้วผู้กำกับขึ้นเวทีพันธมิตร เด้งสอง นิรุตติ์ ศิริจรรยาดาราในเรื่องเคยกล่าวไว้ว่า "เดี๋ยวคนเผาบ้านเผาเมืองก็จะมาเป็น รมต. แล้วโกงเงินไปต่างประเทศ"
2. การตลาด หนังเกี่ยวกับวัฒนธรรม ดูยาก
สำหรับประเด็นที่ 2 นี้ ดิฉันว่าไม่น่าใช่ ตอนดูตัวอย่าง ดิฉันก็คิดจะไปดูเหมือนกัน เพราะชอบหนังแนวนี้ แต่พอรู้ว่าเป็นหนังของใคร ก็บอยคอตเหมือนกัน ถ้าหนังวัฒนธรรมเป็นหนังดูยากอย่างที่ว่าจริง ๆ ก็ไม่น่ารายได้ต่ำขนาดนี้ ดูอย่างเรื่อง "โหมโรง" ที่ออกมาฉายช่วงปี 44 ดารานำก็หน้าใหม่ จำได้อ๊อฟ พงศ์พัฒน์ก็แสดงด้วยรับบทเป็นนายทหาร เป็นบทที่น่าประทับใจด้วยซิ เพราะสื่อถึงอิทธิพลของเสียงดนตรีที่โน้มน้าวใจนายทหารผู้แข็งแกร่งได้ ดิฉันดูที่โรง แล้วก็ยังซื้อแผ่นไปเก็บดูซ้ำ ๆ ด้วย ตอนนั้นยังไม่มีสีเสื้อค่ะ ยังรับคุณอ๊อฟได้ หนังเรื่องโหมโรงทำรายได้ได้ถึง 50 กว่าล้าน
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นในอีกเรื่องหนึ่งก็คือ พี่น้องพันธมิตรเหลือน้อยมาก ที่เคยเห็นที่ทำเนียบส่วนหนี่งระดมมาจากภาคใต้ฝ่าย ปชป. เสียมาก ที่ตั้วเคยอ้อนว่า "ถ้าพันธมิตรไปช่วยดูหนังเขาสักครึ่งหนึ่ง รายได้หนังก็คงทะลุเกินเป้า" ดิฉันว่าตั้วเข้าใจผิดแล้วค่ะ เขาคงช่วยกันเต็มที่แล้ว มันได้แค่นี้จริง ๆ ส่วนพวกแมลงสาบไม่ต้องไปพูดถึง พวกนี้เขาสมประโยชน์ เขาก็ตีจาก
ไม่งั้นไม่มี "สลิ่ม" มาแทนสีเหลืองหรอกค่ะ