สวัสดียามเช้า ค่ะ ตื่นเช้า ๆ ทำอะไรก็ได้ เพราะผู้ปกครอง
ถ้าไม่ตื่น ก็หนีไปเที่ยว คนไข้ใช้เคอมพ์ ได้นิดหน่อย
"นิติราษฎร์" อีกทีจาก 2 มุมมอง เมื่อเป็นบทความ
จาก "ผู้จัดการ" ยังไง ก็ต้องค้าน แต่สำหรับ "ข่าวสด"
วันนี้ แค่เป็นข่าวเท่านั้เอง เพื่อน ๆ ชอบแบบไหน ?
"นิติราษฎร์" เผยเตรียมจุดพลุระลอก 2 สัปดาห์หน้า
(ที่มา ข่าวสดออนไลน์)
เวลา 14.30 น. วันที่ 6 ต.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่ห้องจี๊ด เศรษฐบุตร คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ "โครงการกำแพงประวัติศาสตร์ : ธรรมศาสตร์กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย" จัดเสวนาวิพากษ์ข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ มีนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.เพื่อไทย รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฯลฯ เข้าร่วม
นายสุนัย กล่าวว่า สิ่งที่คณะนิติราษฎร์ทำนั้นถูกต้องที่สุด คณะนิติราษฎร์ไม่ใช้กลุ่มคนแรกทางวิชาการที่คิดอย่างนี้ แต่เรามีพัฒนาการตั้งแต่ 14 ตุลา 2516 6 ตุลา 2519 และพฤษภาทมิฬ ในระยะ 40 ปีที่ผ่านมา มีนักวิชาการหลายคนที่อยากรื้อประกาศคณะปฏิวัติทั้งหลาย วันนี้ถ้าอยากให้บ้านเมืองสงบจริง ฝากบอกอ.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า อย่าไปตำหนิ คณะนิติราษฎร์ เขาหวังดีกับบ้านเมือง และสถาบัน เพราะรัฐธรรมูญฉบับนี้นี้เกิดขึ้นบนการยึดอำนาจ มีกฎหมายหลายฉบับที่วางยาพิษไว้ โดยเฉพาะที่ไปดึงเอาศาลมาเกลือกกลั้วกับการเมือง
นายพิชิต กล่าวว่า แถลงการณ์ของคณะนิติราษฎร์คือความเชื่อที่ว่าประชาชนคือรัฐาธิปัตย์อยู่ตลอดเวลาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แนวคิดนี้เป็นปรัชญาพื้นฐานของการเมืองเสรีนิยมและประชาธิปไตย ข้อเสนอของนิติราษฎร์เป็นข้อเสนอที่เป็นสายกลางสุด โดยเฉพาะการยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 50 ที่นิติราษฎร์ไม่ล้มเลิกประกาศของคณะปฏิวัติทั้งหมดยกเลิกไม่หมด เป็นเรื่องที่ถูกต้อง และไม่สุดโต่ง อีกฝ่ายที่คัดค้านทั้งประชาธิปัตน์ ผบ.ทบ. หรืออาจารย์นิติศาสตร์คนอื่นๆ ไม่ได้คัดค้านในสาระสำคัญเลย เถียงแค่ในประด็นจะแก้แค้นให้ทักษิณ หรือพูดให้สุดโต่งว่า ทำไมไม่ล้มล้างรัฐประหารทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าฝ่ายเผด็จการแพ้ทางความคิดแล้ว เถียงไม่ได้แล้ว
ด้านนายสุธาชัย กล่าวว่า สนับสนุนข้อเสนอของนิติราษฎรเต็มที่ และเห็นด้วยกับคณะนิติราษฎร์ว่าเมื่อประเทศมีปัญหา ต้องเริ่มแก้ที่กฏหมายก่อน ข้อเสนอให้ปรับปรุงมาตรา 112 ผมเห็นว่าเป็นข้อเสนอกลางๆ และควรปฏิบัติอย่างยิ่ง เพราะตนเสนอให้ยกเลิกด้วยซ้ำ เนื่องจากเรามีกฎหมายหมิ่นประมาทอยู่แล้ว ส่วนที่เสนอให้เลิกรัฐธรรมนูญ 50 แล้วร่างใหม่โดยเอารัฐธรรมนูญ 3 ฉบับแรกเป็นตัวตั้ง เป็นข้อเสนอที่ดีมาก และเป็นสายกลางที่จะใช้แก้ปัญหาบ้านเมือง คนที่ค้านโดยบอกว่าทำไมเสนอนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณคนเดียวนั้น ตนยังไม่เห็นว่ามีข้อไหน ไม่รู้ไปอ่านมาจากไหน อ้างว่ารัฐธรรมนูญไทยมีพัฒนาการมาไกลแล้ว ก็ไม่เห็นว่าพัฒนาตรงไหน ถึงวันนี้ยังไม่เห็นข้อคัดค้านที่มีเหตุผลจริงจัง ที่จะเถียงกันได้ในเชิงวิชาการ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.สาวตรี สุขศรี นักวิชาการคณะนิติราษฎร์ได้มาร่วมฟังการเสวนา และร่วมอภิปรายแลกเปลี่ยนความเห็นตอนหนึ่งด้วย
นายวรเจตน์กล่าวว่า ข้อเสนอ 4 ประเด็นที่เคยเสนอไป มี 2 ประเด็นที่ต้องทำให้ชัดเจนอีกคือ การล้มล้างผลพวงของรัฐประหารปี 49 และการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ ที่เราเสนอให้เอารัฐธรรมนูญ 3 ฉบับแรกมาเป็นแนวทางยกร่าง เพราะเป็น 3 ฉบับแรกที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ก่อนที่ต่อมาจะถูกฆ่าเพราะการรัฐประหารครั้งแรก ที่บางคนตั้งข้อสังเกตว่าทั้ง 3 ฉบับไม่มีองคมนตรี นั่นก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ประเด็นเหล่านี้ที่สุดต้องพูดกันในสังคม การจะให้ระบอบประชาธิปไตยยั่งยืน เรื่องความคิดเป็นสิ่งสำคัญ ต้องปรับความคิดให้คนเห็นภาพก่อน ที่สุดจะไปสู่ทิศทางที่ทำให้ประเทศไปสู่ประชาธิปไตยได้ ยืนยันว่านิติราษฎร์เป็นผู้นำด้านความคิด แต่จะไม่ไปนำมวลชนเด็ดขาด เพราะนอกจากไม่ใช่ถนัดแล้ว ยังทำให้หลักการของตนเสียไปด้วย
ด้านนายปิยบุตร กล่าวว่า การทำงานทางความคิดของคณะนิติราษฎร์ คงไม่ได้จุดพลุแล้วเงียบไป สัปดาห์หน้าจะมีการขยับอะไรอีก ขอให้ติดตาม ประเด็นการล้มล้างผลพวงของรัฐประหารได้อธิบายหลายรอบแล้ว คนที่ไม่เข้าใจก็ยังไม่เข้าใจอยู่ หรืออาจจะแกล้งไม่เข้าใจ แต่ประเด็นที่จะขยายความต่อไป คือที่เราเสนอให้เอารัฐธรรมนูญ 3 ฉบับแรกมาเป็นต้นแบบ และเรื่องคำประกาศที่ไม่ได้อยู่ในรัฐธรรมนูญ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1317914945&grpid=&catid=01&subcatid=0100
นิติราษฎร์ไม่ใช่สูตรสำเร็จในการป้องกันรัฐประหาร
<
<
<
กลุ่มนิติราษฎร์ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการรัฐประหาร ควรจะต้องคำนึงถึงเงื่อนไขการรัฐประหาร หากการเมืองมีทางออกที่ดีไม่ใช่การเมืองมีแต่ทางตันทุกคนเห็นแก่ตัวทุจริตคอร์รัปชันเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงทั้งระยะสั้นและระยะยาว เอาแต่พรรคพวกตัวเอง การเมืองต้องมีความชอบธรรม ไม่ทำลายความเชื่อมั่นขั้นพื้นฐานของคนในชาติโดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ รัฐประหารย่อมไม่เกิดขึ้นแน่นอน เพราะเหตุการณ์ใช้กำลังทหารเปลี่ยนแปลงการบริหารประเทศ ที่ผ่านมากลายเป็นกบฏมากกว่าความสำเร็จ
การรัฐประหารไม่ใช่ของง่ายและมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะในปัจจุบันเป็นรัฐศาสตร์ต้องห้าม สังคมทหารมีการศึกษาในเรื่องประชาธิปไตย ความถูกต้องชอบธรรม ความผาสุกของปวงชน และผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และสังคมอย่างกว้างขวาง
ชีวิตประจำวันของผู้นำหน่วยทหารทุกระดับมีความเป็นประชาธิปไตย ครอบครัวมีความเป็นประชาธิปไตย มีความเข้าใจในระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย โดยเฉพาะมีนายทหารที่จบการศึกษาทางการเมืองในระดับปริญญาโท และดุษฎีบัณฑิตมาก ครอบครัวมีการศึกษาสูง หลายคนมีภรรยาเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย เป็นแพทย์ เพราะฉะนั้นในแต่ละครอบครัวของทหารนั้น ความเป็นประชาธิปไตยตกผลึกตั้งแต่ในบ้านแล้ว
ไม่มีใครอยากเป็นกบฏ ไม่มีใครอยากให้ครอบครัวต้องลำบากเพราะหัวหน้าครอบครัวเป็นกบฏ เพราะฉะนั้นกลุ่มนิติราษฎร์ไม่ต้องออกมาป้องกันการรัฐประหาร ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ในบ้านแล้ว นิติราษฎร์ไปดูนักการเมืองและพฤติกรรมทางการเมืองของตัวเองดีกว่า และที่สำคัญประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นั้น สร้างความเดือดร้อนให้ใคร นอกจากพวกอนาธิปไตยที่ต้องการความไร้ระบบ ความแตกแยก ความไร้จุดร่วมของชาติ และความขาดจิตสำนึกในความเข้าใจถึงทศพิธราชธรรม
กลุ่มนิติราษฎร์อย่าได้เป็นเครื่องมือให้ใครคนใดคนหนึ่งดีกว่า อนาธิปไตยไม่เคยเจริญเลยในประวัติศาสตร์การเมืองและสังคมของมนุษยชาติ ความเมตตา ความถูกต้องชอบธรรม การเคารพในสิทธิของคนอื่นยั่งยืนกว่า
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000127479