สถานการณ์การสังหารหมู่กลางเมืองเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ผ่านมาเป็นเวลา 35 ปีแล้ว
เป็น 35 ปีที่คนไทยฆ่าคนไทยด้วยกัน เป็น 35 ปีที่มีการปลุกระดมสร้างความเกลียดชังอย่างเป็นระบบ อย่างเป็นขบวนการ
เพียงเพราะเห็นว่า คนที่ชุมนุมอยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คิดไม่เหมือนกับตน
ที่ว่าอย่างเป็นระบบ อย่างเป็นขบวนการ เพราะว่าเป็นการปลุกระดมโดยกลไกแห่งรัฐ ขณะเดียวกัน เป็นการปลุกระดมอย่างมีการจัดตั้ง
ใครเป็นใครในการปลุกระดมก็รู้ๆ กันอยู่
ใครได้รับการปูนบำเหน็จรางวัลอย่างไรภายหลังการปลุกระดม ภายหลังการเข่นฆ่าคนไทยด้วยกันอย่างเหี้ยมโหด
ก็รู้ๆ กันอยู่
น่าสนใจก็ตรงที่กาลเวลาผ่านมา 30 ปี เหตุการณ์เมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 ก็เกิดขึ้นในลักษณะละม้ายและเหมือนกันอย่างยิ่งกับเมื่อเดือนตุลาคม 2519
..............
สถานการณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2519 อาจสร้างภาพว่านักเรียน นักศึกษา ประชาชนซึ่งชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมืองมีสายสัมพันธ์กับญวนกับจีนซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์
การฆ่าแล้วนำขึ้นแขวนคอจึงเป็นการฆ่าพวกญวน ฆ่าพวกจีน
การสาดกระสุนเข้าใส่จึงเป็นการสาดกระสุนเข้าใส่คอมมิวนิสต์ เพราะมีการเผยแพร่ความคิดอย่างหนึ่งโดยมีพระภิกษุนักเทศน์ชั้นนำ
นั่นก็คือ "ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป"
มาถึงสถานการณ์เดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 ความรู้สึกชิงชังอย่างหนึ่งที่ได้รับการโหมประโคมอย่างเป็นระบบ อย่างเป็นขบวนการ ทั้งผ่านสื่อของรัฐและสื่อหนังสือพิมพ์บางสำนัก ก็คือการโหมประโคมว่าพวกนี้เป็นพวกทักษิณ เป็นพวกของคนขี้โกง เป็นพวกของคนขายชาติ
ผลก็คือ ตายไป 91 ศพ บาดเจ็บพิการร่วม 2,000 ถูกจับเกือบ 300
..............
น่าเศร้ายิ่งกว่านั้นก็คือ พวกที่เคยถูกประณามหยามเหยียดและถูกไล่ล่าทำลายในสถานการณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2519 บางคน
กลับกลายเป็นพวกเดียวกับที่สาดกระสุนเข้าใส่ที่ชุมนุม
กลับกลายเป็นพลังที่สร้างความชอบธรรมให้กับการใช้อาวุธสงครามเข้าสลายการชุมนุมในเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553
พลังเหล่านี้แสดงตนเป็นเหมือน "กระทิงแดง" ยุคใหม่ "ลูกเสือชาวบ้าน" ยุคใหม่
เมื่อผ่านการเข่นฆ่าทำลายและสลายการชุมนุมอย่างเหี้ยมโหดแล้ว บุคคลอันเคยผ่านสถานการณ์เดือนตุลาคม 2519 บางส่วนก็ไม่เคยสรุป ไม่เคยทำความเข้าใจ
ยังปวารณาตนเป็นเครื่องมือและร่วมส่วนในการออก "ใบอนุญาตฆ่า" ต่อไป
..............
ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องตลกร้ายเมื่อนำเหตุการณ์ปี 2519 มาเปรียบเทียบกับปี 2553
ตราบกระทั่งทุกวันนี้ผู้มีส่วนในการออกใบอนุญาตฆ่าประชาชนก็ยังไม่ถูกลงโทษ พวกเขายังลอยหน้าลอยตาเล่นบทคนดี คนฉลาด คนรอบรู้ในสถานการณ์บ้านเมืองอย่างไม่แปรเปลี่ยน
จึงเชื่อได้ว่าเหตุการณ์เหมือนปี 2519 หรือปี 2553 จักต้องเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน
ที่มา >>>>>>> ((กด))
ถ้ารัฐบาลนี้ไม่แก้ไข รับรองว่าเหตุการณ์"ฆ่าประชาชนกลางเมืองหลวงจะต้องเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ช้าหรือเร็วเท่านั้น 35 ปีที่ผ่านมา ไกล้เคียงกับเหตุการณ์ พฤษภา 2553 เป็นอย่างยิ่ง
ตัวละครเมื่อ 6 ตุลา 2519 ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ต่างลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมอย่างมีหน้ามีตาต่อไป
ถามว่าขบวนการปลุกระดมคล้ายกันยังไง????
สมัย 6ตุลา 19 มีสถานีวิทยุ"ยานเกราะ"เป็นตัวการปลุกระดมบิดเบือน ใส่ความออกอากาศผ่านด็อกเตอร์กับผู้หญิงอีกคน(ผมจำไม่ได้แล้ว แต่อ่านข้อมูลนี้นานมาแล้วและยังจำได้)เป็นพิธีกรคู่(สยองขวัญ)
สมัย พฤษภา 2553 มีทั้งสถานีวิทยุ-โทรทัศน์ หลายแห่งเหลือเกินที่มีพฤติกรรมคล้ายกับ"ยานเกราะ"ในอดีต มีด็อกเตอร์และไม่ด็อกเตอร์ทำหน้าที่ปลุกระดม บิดเบือน ใส่ความ คงมองออกกันนะครับว่ามีใครกันบ้างและสื่อใหนกันบ้าง มีไม่เยอะหรอกครับ
สมัย 6 ตุลา 19 มีพระออกมาบอกว่า"ฆ่าคอมมิสต์ไม่บาป"เป็นพระชื่อ"กิตติวุต.โฒ
สมัย พฤษภา 2553 มีพระออกมาบอกว่า"ฆ่าเวลาบาปไม่น้อกว่าการฆ่าคน" โดยใครก็ไม่รู้จำไม่ได้ว่าพระอะไร
สมัย ตุลา 2519 ข้อหาในการปลุกระดมให้คนไทยเกลียดชังกันคือ เรื่องสถาบัน เหมือนสมัยนี้เปี๊ยบเลย
และที่น่าสงสัยว่าจะเริ่มมีควันไฟเกิดขึ้นอีกครั้งคือ
1.การออกมาพยายามตั้งกลุ่มของหมอตุลย์ ตอนนี้ผมจำไม่ได้แล้วว่ากลุ่มของหมอตุลย์มีกี่กลุ่มและกี่ชื่อแต่ที่แน่ๆคือ หมอตุลย์เองก็ไม่น่าจำได้เหมือนกัน(ฮา)เพราะว่าตั้งกลุ่มรายวันเลย
2.การเริ่มออกมามีบทบาทปลุกระดมของนายสนธิ ลิ้มทองกุลอีกครั้งหนึ่ง โดยตั้งตัวเองว่า
"สตีฟ จ๊อบ" ซึ่งจริงแล้วน่าจะเรียกว่า "สตีฟ เจ๊ก"หรือ"สตีฟ เจ๊ง"มากกว่า 
ขอให้รัฐบาลได้ทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญและทำตามตามข้อเสนอของ"นิติราษฎร์"เพื่อไม่ให้วงจรอุบาทว์ที่เข่นฆ่าประชาชนอย่างโหดร้ายได้กลับมาทำลายประเทศ ทำลายชีวิต ทำลายเศรษกิจ และทำลายประเทศไทยอีกต่อไป