เมื่อพฤศจิกายน พ.ศ.2540 ขณะที่พระธรรมวิสุทธิมงคล ญาณสัมปันโน หรือหลวงตามหาบัว เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้เดินทางไปแจกสิ่งของให้แก่โรงพยาบาลในท้องถิ่นกันดาร ท่านได้ทราบว่าโรงพยาบาลมีหนี้สินเป็นอันมาก จนไม่สามารถจะชำระหนี้ให้แก่บริษัท หรือร้านค้า ที่ซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ได้ ทั้งที่มิได้ก่อหนี้สินใดๆ ขึ้น หากแต่เป็นหนี้อันเกิดจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่เปลี่ยนไปเอง ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤติทางการเงินของประเทศ

ครั้งนั้น หลวงตารู้สึกสลดใจเป็นอันมาก ท่านจึงดำริที่จะช่วยชาติช่วยแผ่นดิน โดยทุ่มเทน้อมนำพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศให้ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อช่วยชาติบ้านเมือง โครงการช่วยชาติจึงได้เกิดขึ้นและเริ่มดำเนินการอย่างจริงจังตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน 2541 ซึ่งถือเป็นวันเปิดโครงการ โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จไปทรงเป็นประธาน

ด้วยแรงศรัทธาจากทุกสารทิศต่อหลวงตามหาบัว และด้วยความรักชาติรักแผ่นดินของชาวไทยทุกหมู่เหล่า เป็นเหตุให้ทองคำ เงินดอลลาร์สหรัฐ เงินตราสกุลต่างประเทศ รวมทั้งเงินบาท หลั่งไหลเข้าสู่บัญชีช่วยชาติอย่างต่อเนื่องมิได้ขาดสาย และหลวงตาก็ได้รวบรวมส่งมอบให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อนำเข้าบัญชีฝ่ายออกบัตร หรือคลังหลวง ตั้งแต่เริ่มถึง 7 พฤษภาคม 2554 นำเข้าคลังหลวงแล้วทั้งสิ้น 16 ครั้ง รวมเป็น ทองคำ 13,008.00  กิโลกรัม เงินดอลลาร์ (รวมดอกเบี้ย) 10,803,600  เหรียญสหรัฐ 

โครงการนี้ กระตุ้นให้คนไทยหันมาดู "คลังหลวง" ไม่ให้นักการเมืองพรรคไหนปู้ยี้ปู้ยำเงินหลวงตามใจชอบ ถึงแม้จำนวนเงินจะไม่มาก แต่เป็นกุศโลบาย ให้ชาวบ้านมาเฝ้าคลัง เฝ้าระแวดระวัง ทำให้รัฐบาล ปชป.สมัยชวน ไม่อาจแตะเงินคลังหลวง สมัยนั้นธารินทร์ นิมมานเหมินท์ ก็คิดจะรวมบัญชีเพื่อหันเหเงินไปอุ้มกองทุนฟื้นฟูฯ เจอหลวงตามหาบัวเทศน์ก็ต้องถอย พอถึงรัฐบาล ทรท.ของทักษิณ เขาไม่แตะเลย เพราะรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร

อานิสงส์ของการไม่แตะเงินคลังหลวงคือ เสถียรภาพของค่าเงินบทค่อยกระเตื้องขึ้น และอยู่ในสภาวะมั่นคงจนถึงปัจจุบัน เหล่าศิษย์หลวงตามหาบัวเชื่อว่าที่ไทยสามารถใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด และวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ไม่กระเทือนไทย ก็เพราะอานิสงค์การไม่แตะเงินคลังหลวงนี้

คนที่คิดจะแตะเงินในคลังหลวง ส่วนใหญ่เป็นพวกนักการเมืองหน้าเดิม ๆ ต้นปี 2553 ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ก็ประกาศแนวคิดให้รวมบัญชีของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทั้ง 3 บัญชี คือ บัญชีทุนสำรองเงินตรา บัญชีสำรองพิเศษ และบัญชีผลประโยชน์ประจำปี เหลือเพียงบัญชีเดียว กรณ์ จาติกวณิช ก็เห็นด้วย เพราะจะทำให้เงินไหลไปหากันได้ง่ายและนำเงินไปใช้สะดวก แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่เงินจะหมดไปเลยโดยไม่มีสำรอง เล่ห์กลนักการเมือง ต้องชะงักอีก ด้วยเสียงต้านจากสานุศิษย์หลวงตามหาบัว

ปี 2554 หลวงตามหาบัวท่านสิ้นไปแล้ว หลังปิดโครงการช่วยชาติ พอเปลี่ยนเป็น รัฐบาล พท. ของยิ่งลักษณ์ น้องสาวทักษิณ ไม่ทันไร กลางเดือนสิงหาคม 2554 นายพิชัย นริพทะพันธุ์   ก็ประกาศแนวคิด การจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign Wealth Fund)  นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ก็ขานรับออกมาแสดงแนวคิดการจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่ง ว่า จะเป็นเหมือนการยืมเงินจากบัญชีทุนสำรองระหว่างประเทศของ ธปท. แยกออกมาเป็นบัญชีย่อย แต่ยังให้ ธปท.บริหารแทนรัฐบาล ส่วนผลกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายการบริหารจัดการแล้ว ต้องตกเป็นของรัฐ และหากกองทุนขาดทุน รัฐบาลจะตั้งงบประมาณมาชดใช้คืนให้

แสดงว่า นายพิชัย นายธีระชัย ไม่อ่านประวัติศาสตร์ บังอาจโยนหินถามทางใส่ลูกหนังใบใหญ่ไม่ทันไรก็สะท้อนโดนตัวเอง จึงไม่แปลกที่ถูกลูกศิษย์หลวงตามหาบัวพุ่งออกมาคัดค้านทันที ทักษิณรู้อะไรเป็นอะไรดีจึงส่งสัญญาณให้ยิ่งลักษณ์ออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่นโยบายของ พท. และคิดว่าในอนาคตเพื่อไทยไม่กล้าแตะเรื่องนี้อีกหรอก ไม่งั้นจมดินแน่

ดูให้ดีนะครับ คนที่ออกมาด่า พท. ก็ต้องด่า ปชป.ด้วย ด่าทุกพรรคนั่นแหละที่คิดจะแตะ "คลังหลวง" (ไม่ใช่เงินหลวงตานะ) พรรคไหนแตะ จะต้องโดนลูกศิษย์หลวงตาบัวออกมาค้านแน่นอน

คิดให้ดีนะครับสำหรับใครที่พูดพล่อย ๆ เรื่องเงินคลังหลวง เรื่องเงินหลวงตามหาบัว อันที่จริงเงินก้อนนี้ไม่ใช่เงินหลวงตานะครับ แต่เป็นเงินส่วนรวม เป็นเงินของชาวไทยทั้งชาติที่บรรจุจิตวิญญาณที่จะผดุงชาติไว้ รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทไว้ ทำให้เศรษฐกิจไทยไม่ทรุดไปกับภาวะภายนอก

หลวงตามหาบัวท่านเทศน์ไว้ว่า "เงินนี้เป็นเงินพระนะ ไม่ได้เหมือนเงินธรรมดาของคนทั่วๆไป นี้รวมเข้ามาให้เราแล้ว กลายเป็นเงินพระไปแล้ว เป็นเงินสงฆ์ด้วย เพราะฉะนั้นใครจึงมาทำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ตกนรกไม่มีวันขึ้นเลย เรื่องนี้กรรมหนักนะ เพราะมหากุศลของชาตินี่นะ จะทำเล่นๆได้เหรอ จมอย่างไม่มีวันฟื้นเลย หมดทางเลยว่างั้นเถอะน่า ถ้าใครมาแต่มายุ่งกับเงินเหล่านี้ เพราะมันบาปหนัก กรรมหนักจริงๆไม่ใช่ธรรมดา ไม่ได้เหมือนเงินทั่วๆ ไป สงฆ์ยกให้เพื่อชาติ นั่นมีแต่เรื่องใหญ่ๆ ทั้งนั้น ฉะนั้นจึงได้เตือนไว้ให้ทราบทุกคน อย่ามาทำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้นะ"

หลวงตามหาบัวท่านได้ปฏิบัติตามปณิธาน "เวลามีชีวิตอยู่นี้ เราจะทำความดี ให้โลกทั้งหลายได้เป็นคติตัวอย่างอันดีงาม และทำด้วยความเมตตาสงสารต่อโลก"

ท่านไม่ได้ทำด้วยความเขลา แต่ท่านทำด้วยปัญญา ด้วยตาดีตาที่มองการณ์ไกล ช่วยได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยและช่วยได้จริง เงินเหล่านี้จึงฝากไว้ในโลก เป็นทรัพย์ของไทย ขณะที่ท่านละไปหมดทุกอย่างแล้ว

เงินคลังหลวงจึงตั้งไว้ให้สัตว์เศรษฐกิจกระหายอยากไปอย่างนั้นแหละ แต่ห้ามนำไปใช้อย่างสุ่มเสี่ยง เพราะมันคือเสถียรภาพของเงินบาท เพราะมันคืนความมั่นคงทางเศรษฐกิจของไทย ใครมองไม่เห็นประโยชน์  ใครที่ยังไม่เข้าใจว่าทำไมคนถึงบริจาค ก็เข้าไปหาความรู้เองครับ ในเว็บ klangluang นะครับ

**************

ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่เสียสละ ช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์ในอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ไม่ว่าจะฝ่ายไหนสีไหน ก็คนไทยด้วยกัน รักกันเข้าไว้ ให้กำลังใจกับคนที่เสียสละ เชื่อว่าทุกคนทำสุดความสามารถแล้ว จะได้ผลดีจะไม่ได้ผลดี ก็ให้กำลังใจกันครับ เมืองไทยจะน่าอยู่ขึ้นแน่นอน ... รักกันเข้าไว้ คนไทยหัวใจเดียวกัน