นอกเหนือจากภาพการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยขึ้นเป็น"วาระแห่งชาติ"
ระดมกำลังทุกภาคส่วนทั้งภาคการเมือง ภาครัฐ ภาคเอกชน ทหาร ตำรวจ และภาคประชาชน เข้าร่วมวงหารือในที่ประชุมศปภ.
และจากที่เคยฮือฮากลายเป็นภาพเห็นกันจนชินตา คือนายกฯยิ่งลักษณ์ ควงคู่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ออกตรวจสถานการณ์พื้นที่ประสบภัยรายวัน
ไม่ว่าขึ้นรถ ลงเรือ ขี่เฮลิคอปเตอร์ เห็นนายกฯยิ่งลักษณ์ที่ไหน เป็นต้องเห็นพล.อ.ประยุทธ์ที่นั่น
ผลพลอยได้จากการที่ผู้นำรัฐบาลกับผู้นำกองทัพเคียงบ่าเคียงไหล่ต่อสู้กับวิกฤตน้ำท่วม ทำให้บรรยากาศความตึงเครียดทางการเมืองที่เป็นมาตลอดตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามา เริ่มคลายตัวลง
ล่าสุดรัฐบาลด้วยความร่วมมือของหน่วยงานทุกกระทรวง ทบวง กรม ยังคิดค้นผลักดันมาตรการต่างๆ ออกมาเพื่อแบ่งเบาภาระให้ประชาชนผู้ประสบภัย
ทั้งการขอผู้ประกอบการช่วยตรึงราคาน้ำมันไว้ก่อน การผ่อนผันชำระค่าไฟฟ้าเป็นเวลา 3 เดือน พักชำระหนี้โดยไม่คิดดอกเบี้ยในส่วนของผู้เช่าซื้อบ้านกับการเคหะ รวม 3 เดือน
กระทรวงการคลังสั่งให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ หาแนวทางหยุดพักชำระหนี้ให้ผู้ประสบภัยจนกว่าน้ำจะแห้ง ควบคู่กับการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อซ่อมแซมบ้านเรือน และเป็นทุนหมุนเวียนในการทำอาชีพใหม่
ขณะที่กรมสรรพากรออกมาตรการภาษี ให้ผู้บริจาคเงินช่วยน้ำท่วมนำไปหักลดหย่อนภาษีเพิ่มเป็น 1.5 เท่า
ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมเงินชดเชยอีกครอบครัวละ 5,000 บาท และชดเชยพื้นที่การเกษตรอีกไร่ละ 2,222 บาทที่รัฐบาลทยอยจ่ายไปบ้างแล้ว
อย่างไรก็ตามมีการมองว่าการแก้ปัญหาน้ำท่วมจะเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพของรัฐบาล แต่โจทย์ที่ยากจริงๆ สำหรับคณะผู้บริหารประเทศภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์
อยู่ที่สถานการณ์ภายหลังน้ำลดมากกว่า
ยังไม่มีการประเมินแน่ชัดว่ารัฐบาลต้องใช้เม็ดเงินจำนวนเท่าใดในการฟื้นฟูความเสียหายหลังภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่นี้
แต่เบื้องต้นรัฐบาลได้เตรียมตัวเลขเบื้องต้นไว้ที่จำนวน 80,000 ล้านบาท ซึ่งจะได้มาจากการหั่นงบลงทุนของทุกกระทรวงลง 10 เปอร์เซ็นต์
กระนั้นก็ตามฉากสำคัญยังเป็นพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ชิงเปิดประเด็นข้ามฟากมาจากดูไบ ถึงมาตรการฟื้นฟูประเทศหลังน้ำท่วม
เป้าหมายให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิมทั้งบ้านเรือน โบราณสถาน วัด โรงเรียน พื้นที่เกษตรกรรม และโรงงานอุตสาหกรรม
เรียกความเชื่อมั่นกลับคืนสู่ประเทศโดยเร็ว
การดำเนินการตรงนี้รัฐบาลจำเป็นต้องหาเงินให้ได้อย่างน้อย 1 แสนล้านบาท ซึ่งได้เตรียมจัดหาแหล่งทุนไว้แล้ว
ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาวต้องทำหลายอย่างเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งไปพร้อมกัน ทั้งโครงการแก้มลิง เขื่อนกักเก็บน้ำ และเขื่อนกั้นน้ำทะเลป้องกันไม่ให้น้ำท่วมกรุงเทพฯ
ส่วนจะสร้างอะไรไว้ตรงไหน รวมถึงการตัดเส้นทางเดินของน้ำใหม่ รัฐบาลต้องนำภาพถ่ายดาวเทียมในช่วงน้ำท่วมมาศึกษาให้ละเอียด
เบ็ดเสร็จคาดว่าต้องใช้เงินงบประมาณอีกไม่ต่ำกว่า 400,000 ล้านบาท ถึงจะเป็นเงินจำนวนมากแต่ก็คุ้มค่าหากเปรียบเทียบจากตัวเลขความเสียหายทุกปีโดยเฉพาะปีนี้
สำหรับที่มาของแหล่งเงิน พ.ต.ท.ทักษิณชี้ช่องให้ไปกู้จากประเทศจีน แล้วจ่ายคืนเป็นสินค้าเกษตร นอกจากนี้ยังช่วยเจรจาดึงนักลงทุนต่างชาติเพื่อเข้ามาลงทุนในไทยอีกทาง
อธิบายส่งต่อให้รัฐบาลเพื่อไทยรับไปปฏิบัติ
พ.ต.ท.ทักษิณฉวยโอกาสตอนกระแสสังคมเรียกร้องหามาตรการป้องกันน้ำท่วมระยะยาว ที่กำลังเป็นประเด็นมาแรงแซงโครงการประชานิยมอื่นๆ ที่รัฐบาลเองก็ถูกหาว่า"ดีแต่โม้"
โชว์มันสมองระดับเวิลด์คลาส กลบข้อครหา"ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ"เสียสนิท
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd2Iyd3dNVEUyTVRBMU5BPT0=§ionid=TURNd05BPT0=&day=TWpBeE1TMHhNQzB4Tmc9PQ==
รัฐบาลมีมือดีมาช่วยวางแผนด้วย ชอบไหม ? ล่ะ
ใครจะมาร่วมด้วยช่วยกันอีก "วาระแห่งชาติ"
คนที่ดีแต่วิจารณ์ วันนี้เสนอทางแก้ไขมาด้วยก็แล้วกัน
ระดมสมองกันใน "พันทิบ" นี่แหละ คุณวอน
คุณ One Putt คุณอภิวัฒน์ เริ่มแล้ว ใครจะมา
ช่วยกันต่อ คุณม่วงคัน คนเก่งของ สาวเหลือน้อย
เชิญหน่อย เป็นไรคะ คุณห่านป่าแอนด์เฟรนด์
ด้วยก็ดี ...เชื่อว่าต้องมีคนของรัฐบาลเข้ามาอ่าน
แน่นอน