เห็นไหมครับ  แค่เรื่องอีเมล์   นำไปสู่การสอบสวนสื่อของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ

พรรคประชาธิปัตย์รีบนำเรื่องนี้ยื่นต่อ กกต. เพื่อยุบพรรคเพื่อไทยทันที

ทั้ง ๆ ที่ไม่มีข้อพิสูจน์อะไรว่ามีการทำอะไรผิดกฎหมาย

เห็นอาการกระเหี้ยนกระหือรือของนายแก้วสรรและหมอตลุย์หรือไม่

รีบเร่งยื่นกล่าวโทษยิ่งลักษณ์ในเรื่องการให้การต่อศาลว่าเป็นการให้การเท็จ

เห็นการออกมาปลุกกระแสเรียกร้องให้ข้าราชการสู้กับพรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์หรือไม่

ทั้ง ๆ ที่มันปรากฎชัดเจนว่าไม่เคยมียุคใดสมัยใดที่ราชการจะเละเทะเท่ายุคนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ

เห็นการพยายามของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่  ในการนำเรื่องทุกเรื่องเข้าสู่ "กระบวนการ"

เพื่อหวังล้มรัฐบาลเพื่อไทยด้วยวิธีทางกฎหมาย  หวังอำนาจนอกระบบเป็นตัวช่วยหรือไม่

ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้  มันส่งผลให้รัฐบาลเพื่อไทยทำอะไรต้องระวังทุกฝีก้าว

ถึงขนาดนายกฯยิ่งลักษณ์ต้องควักเงินส่วนตัวเช่า ฮ. เพราะไม่กล้าใช้ของหลวง

กลัวเข้าทางโจร

เมื่อการทำงานต้องระวังอย่างยิ่ง  เพราะรู้อยู่ว่ามีฝ่ายจ้องโค่นล้มด้วยวิธีทางกฎหมายอันไร้สาระอยู่

การทำงานมันก็อึดอัด   ออกมาในรูปทำอะไรไม่ให้โจรได้ที

บทเรียนมันมีครับ  

ทำกับข้าวก็ถูกปลดได้  แต่คนตัดสินปลดไปสอนหนังสือรับเงินเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร  อ้างตัวบทกฎหมายเป๊ะ ๆ   ไม่ต้องอิงพจนานุกรม 

ให้การเช้า บ่ายยุบ  ก็เกิดขึ้นมาแล้ว

การมัวแต่ระมัดระวัง  เมื่อบ้านเมืองเกิดภัยพิบัติ  การสั่งการจากรัฐบาลไปยังกลไกของรัฐ

มันจึงติดขัดไปหมด   ใครละครับรับกรรม

ก็เพราะถ้าสั่งการฉึบฉับ  พลาดกฎหมายสักข้อ  ก็โดนเล่นในข้อกฎหมาย  รัฐบาลก็ล่มได้ง่าย ๆ

เห็นไหมครับ  การออกมายุยงให้รัฐบาลใช้ พรก.ฉุกเฉิน

มันตลกสิ้นดี   นี่ก็เพียงเพราะต้องการหาช่องล้มรัฐบาลเท่านั้นเอง

คิดถึงหลัง 19 ก.ย. 49   สักนิดนะครับ

ตอนนั้นโจรมันเล่นเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิ

สนามบินรันเวย์ร้าวมั่ง   จะพังมั่ง    เล่นกันถึงขนาดปล่อยให้น้ำเข้าท่วมสนามบิน

เหมือนวันนี้   ที่น้ำมันวกวนวุ่ยวายผิดปกติ

เหมือนรัฐบาลจะได้รับ "ข้อมูล" ผิด ๆ อยู่ตลอดเวลา

น้ำลด  จบงาน

รัฐบาลต้องเคลียร์ให้เรียบนะครับ   ใครเป็นใคร   ใครทำอะไรเอาไว้

เด็ดหัวให้สิ้นพวกเล่นการเมืองโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน

เอามันอย่าให้ได้ผุดได้เกิดไปเลย