นายกปู ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวโดย
บอกให้ทุกภาคส่วนที่เกียวข้องกับการแก้ปัญหาน้ำท่วม รับผิดชอบหน้าที่
ของตนให้ดีทีสุดและให้คิดว่าทำเพื่อประโยชน์สุขประชาชนเป็นสำคัญ 
อย่าเพียงแต่โทษกันไปโทษกันมา หรือเล่นเกมส์การเมืองกัน ความสามัคคีไม่เกิด
และไม่มีประโยชน์อันใดด้วย 
....................................................................................................
.............
แทบไม่มีหรือน้อยครั้งที่จะเห็นนายกหญิงยิ่งลักษณ์ กล่าวโทษผู้อื่น
หรือกล่าวโยนความผิดไปให้ผู้อื่น...เธอไม่เคยแม้แต่จะเล่นเกมส์การเมืองด้วยการใช้โวหาร
เพื่อสร้างภาพให้แก่ตัวเอง.....ภาพที่เห็นคือ เธอทำงานเหนื่อยแบบร่วมทุกข์ร่วมสุข
กับประชาชนอย่างแท้จริง......หน้าตาเธอดูซีดเซียวและอิดโรย ..เพราะกำงานหนัก
และต้องเข้ามารับผิดชอบเต็มๆ
.........................เมื่อเช้ามืดวันนี้ ได้เห็นเธอไปดูสถานการณ์จริงที่น้ำในคลองประปาที่เอ่อไหลท่วมขึ้นมา พร้อมกับ
พลตำรวจเอกประชา พรหมนอก...สีหน้าและแววตาของเธอเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
ในขณะที่กำลังรับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไข จากเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบของการประปานครหลวง ที่ต้องเข้าอุดรอยรั่วและแก้ไขน้ำเอ่อล้นในคลองประปาในครั้งนี้ ...........
เรานึกถึง ความคิดเห็นของหลายคนในเวบไซด์ หรือเฟสบุคที่รุมด่าทอเธอ ทำงานไม่เป็นบ้าง/
ทำงานไม่ได้เรื่องบ้าง/ มือฝึกหัด โง่ มืออ่อนหัด ต่างๆ นาๆ แล้วก็ยิ่งรู้สึกสงสารเธอมากมาย
ผู้หญิงร่างบางๆ เล็กๆ คนนี้ ไม่เคยว่ากล่าวใคร หรือโต้ตอบใครที่ว่าให้ร้ายเธอ.ไม่เคยใช้โวหารหรือสำนวนพูดเอาแต่ได้ให้กับตนเอง..ดูเหมือนว่าในใจและความคิดของเธอมุ่งแต่ว่าจะแก้ไขอย่างไรกับปัญหาน้ำท่วม จะผ่านสถานการณ์อุทกภัยครั้งนี้ไปได้อย่างไร ทำอย่างไรจึงจะให้หน่วยงานต่างๆเข้ามาร่วมมือร่วมใจกัน แก้ปัญหาของพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุด....เธอไม่เคยอ้างว่า เธอเพิ่งเข้ามาทำงานไม่นาน เธอไม่เคยขอความเห็นใจจากใคร .แต่เธอก็มุ่งหน้ารับผิดชอบเต็มกำลังความสามารถด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง และภาระรับผิดชอบที่แบกไว้อย่างหนักอึ้ง.........แม้บางครั้งเกิดความผิดพลาดขึ้น.เธอก็ไม่เคยที่จะโทษใคร หรือแก้ตัวกล่าวอ้างว่าเป็นความผิดของหน่วยงานไหน ...เธอได้แต่กล่าวขอโทษประชาชน...ด้วยความรู้สึกที่จริงใจ...
ในสถานการณ์เช่นนี้ เราไม่ค่อยเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของเธอ แต่เรากลับรู้สึกว่า นี่หล่ะคือสีหน้าของผู้นำ ที่รู้สึกมีส่วนร่วม รู้สึกกระตือรือล้น รู้สึกกังวลต่อปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับพี่น้องประชาชน.....
แต่อย่างน้อย..สิ่งหนึ่งที่เราเห็นจากเธอก็คือ ภาพของผู้นำที่ทำงานมากกว่าพูด. ภาพของผู้นำที่ลงมาทำงานทั้งภาคบริหารและภาคสนามร่วมกับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครทุกๆ คน
อีกสิ่งหนึ่งที่เราได้เห็นคือ ปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ในช่วงที่เธอเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่นี่ แม้จะเจออุทกภัยหนักสุด ในรอบ 100 ปีที่ประเทศไทยเคยเจอมา..แต่เราก็ได้เห็น ความร่วมมือร่วมใจ จิตอาสา ของพี่น้องประชาชนทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชน ภาคธุรกิจ ดารา นักร้อง สื่อมวลชน และประชาชนทุกภาคส่วน แม้แต่เด็กวัยรุ่น ก็หันมาทำตัวให้เป็นประโยชน์ เป็นอาสาสมัคร ไปตักทรายใส่ถุง ไปใส่ของในถุงยังชีพ ไปช่วยฟื้นฟูสภาพจิตให้กับผู้ประสพอุทกภัยในศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัยตามสถานที่ต่างๆ
อาจจะมีบ้างแต่เป็นส่วนน้อย ของกลุ่มที่ฝักใฝ่อำนาจเก่า บางส่วน ผู้สนับสนุนฝ่ายประชาธิปัตย์ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เคยมีผลประโยชน์เกียวข้องด้วย สื่อมวลชนที่เป็นฐานของกลุ่มอำนาจเดิม ที่คอยจะจ้องจับผิด หรือเสนอข่าว ข้อมูลบิดเบือน ให้ร้ายเธอ ด้วยวิธีการต่างๆ นาๆ ซึ่งเราก็หวังว่า พวกนี้จะเป็นคนกลุ่มน้อย และคำกล่าวที่ว่า...... การกระทำมันเสียงดังกว่าคำพูด......ยังคงเป็นจริงอยู่
การทำงานหนักและเอาจริงเอาจังของนายกยิ่งลักษณ์นั้น ไม่เพียงแต่ประชาชน อาสาสมัครข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ที่เกียวข้องในการทำงานจะรับรู้ได้ แต่ประชาชนก็รับรู้ได้เช่นกัน เราหวังแต่ว่า............
ไม่ว่าประเทศไทย กรุงเทพและจังหวัดต่างๆ จะเดือดร้อนแค่ไหน ประชาชนจะทุกข์ยากเพียงไร แต่สิ่งที่เราคิดว่า มีคุณค่าที่สุดในยามนี้ คือความรู้สึกที่ว่า รัฐบาลไม่ปล่อยมือประชาชน นายกยิ่งลักษณ์ ไม่เคยดูดายต่อปัญหาและความทุกข์ยากของประชาชน.........
และเราอยากบอกว่า แม้ประเทศจะเผชิญกับปัญหาอุกทกภัย ที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 100 ปี แต่ก็เหมือนเป็นความโชคดี ที่เราได้นายกหญิง คนนี้ มาเป็นนายกฯ ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้บางความคิดเห็นจะบอกว่า เธอทำงานสู้พี่ชายคือ นายกทักษิณฯ ไม่ได้...ถ้าเลือกได้ เราก็อยากให้นายกทักษิณฯ กลับ
มาช่วยกู้วิกฤติในครั้งนี้ แต่ก็อย่างที่รู้อยู่ เราไม่มีสิทธิเลือกได้มากนัก...แค่เขาไม่ปฏิวัติและขับไล่นายกหญิงของเราออกไปอีกครั้ง แบบที่ทำกับนายกทักษิณฯ เราก็พอใจแล้ว...........
กระทู้นี้จึงขอเป็นกำลังใจให้กับนายก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอาสาสมัคร ทุกภาคส่วน ทั้งเจ้าหน้าที่ภาคราชการและเอกชน มูลนิธิ ทหาร ตำรวจประชาชนทั่วไป ที่ร่วมกันช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวไทยด้วยกัน.... แม้บ้านเมืองเราจะขาดความสามัคคีมานาน เพราะเหตุของการเมืองและการหวงอำนาจและผลประโยชน์แต่ สิ่งที่เป็นความน่าภาคภูมิใจในยามนี้คือ น้ำใจของพี่น้องประชาชนที่ไม่เคยทอดทิ้งกันในยามวิกฤติเช่นนี้........
แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 54 15:57:54