สะเหร่อ ทะลึ่ง พุดไม่คิด ปัดโธ่ ...
ผมติดใจอย่างเดียวว่า"อย่าให้คนออกมาไล่" ...ก้มาสิ เอ็งมา ไม่รู้ว่าน้ำท่วมประเทศไทยทุกครั้ง เอ็งจะไล่เค้าทุก นายก หรือเปล่า ไอ้สันดานเสีย
แล้วดู 2ข่าวนี่ ใครมันมีคุณค่า ราคา น่าเชื่อถือกว่ากัน แล้วถามสิว่า คนส่วนใหญ่เค้าจะไปทางเอ็งหรือทางรัฐบาล ป้าดโถ่.........
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1319184324&grpid=03&catid=&subcatid=
เงินบริจาคหลั่งไหลสู่ดอนเมือง วันเดียวทะลุร้อยล้าน สมาคมธนาคารลงขัน 100 ล้าน
วันนี้ (21 ต.ค.54) เวลา 12.00 น. ณ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพมหานคร นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รับมอบเงินบริจาคเพื่อสมทบกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี และสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจากคณะบุคล และตัวแทนภาคส่วนต่าง ๆ ดังนี้
1. H.E. Mr. เซอิจิ โคจิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย มอบสุขาเคลื่อนที่แบบประกอบ 240 ชุด /เครื่องยนต์สำหรับติดตั้งในเรือท้องแบบ 200 เครื่อง และเสื้อชูชีพ 240 ชุด มูลค่ารวม 25 ล้านเยน เป็นเงินไทย 10,000,000 บาท
2. สมาคมธนาคารไทย มอบเงินบริจาค จำนวน 100,000,000 บาท
3. การประปาส่วนภูมิภาค มอบน้ำดื่มช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยทุกพื้ นที่จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
4. อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ มอบเงินบริจาค 1,200,000 บาท
5. บริษัท เอบี ฟู้ด แอนด์ เบเวอร์เรจส์ (ประเทศไทย) จำกัด มอบผลิตภัณฑ์โอวัลตินพร้อมดื่ม UHT มูลค่า 3,500,000 บาท
6. บริษัท พรอคเตอร์แอนด์แกมเบิล (ประเทศไทย) จำกัด มอบแชมพู จำนวน 20,000 ขวด มูลค่ารวม 2,000,000 บาท
7. บริษัท บางเขนฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด มอบเงินบริจาค 100,000 บาท และถุงยังชีพ มูลค่า 40,000 บาท
8. บริษัท เจ เอส แอล โกลบอลมีเดีย จำกัด มอบเรือใหญ่ติดเครื่องยนต์ 1 ลำ และเรือพาย 20 ลำ มูลค่ารวม 300,000 บาท
9. บริษัท สยามสตีล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) มอบเรือไฟเบอร์เสริมเหล็ก จำนวน 30 ลำ และบ้านพักชั่วคราว 1 หลัง และห้องน้ำ 7 หลัง รวมมูลค่า 7,000,000 บาท
10. สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) พร้อมผู้ประกอบการซอฟต์แวร์เกมไทย มอบเรือ จำนวน 15 ลำ มูลค่า 100,000 บาท
11. บริษัท เคซี เมททอล ชีท จำกัด มอบเงินบริจาค 100,000 บาท
12. มูลนิธิลดโลกร้อน ร่วมกับ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีอาคารและสิ่งแวดล้อม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มอบบ้านลอยน้ำลดโลกร้อน 1 หลัง มูลค่า 100,000 บาท
13. ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญและข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน มอบบริจาคสิ่งของอุปโภคบริโภค มูลค่า 4,376,730 บาท
14. พี่น้องชาวชัยภูมิ เขต 3 อำเภอจัตุรัส มอบสิ่งของอุปโภคบริโภค มูลค่า 1,345,720 บาท และมอบบริจาคเงิน จำนวน 513,000 บาท
15. พี่น้องชาวชัยภูมิ เขต 3 อำเภอบ้านเขว้า มอบสิ่งของอุปโภคบริโภค มูลค่า 1,540,020 บาท และมอบเงินบริจาค จำนวน 140,000 บาท
16. ชาว อำเภอเขมราฐ อำเภอนาตาล อำเภอโพธิไทร จังหวัดอุบลราชธานี มอบเงินบริจาค 500,000 บาท และสิ่งของมูลค่า 2,000,000 บาท
17. นายไพบูลย์ และนางอรวรรณ วงษ์วันทนีย์ มอบเงินบริจาค จำนวน 80,000 บาท และเสื้อยืด จำนวน 600 ตัว
18. เทศบาลตำบลวัฒนานคร อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว มอบเงินบริจาค จำนวน 43,878 บาท และสิ่งของอุปโภคบริโภค รวมมูลค่า 140,000 บาท
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNeE9URTNPRFUwTnc9PQ==§ionid=
แบงก์โลกขยับอันดับ"ไทย" ชาติน่าลงทุน
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ว่า สำนักงาน ก.พ.ร.ได้ร่วมกับธนาคารโลก จัดการประชุมเพื่อรับฟังการนำเสนอรายงานผลการวิจัยประเทศที่มีความสะดวกในการเข้าไปประกอบธุรกิจ ประจำปี 2555 ซึ่งเป็นรายงานล่วงหน้า 1 ปี โดยเก็บข้อมูลการปรับปรุงบริการที่เกิดขึ้นระหว่างเดือนมิถุนายน 2553 ถึงมิถุนายน 2554ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มายังธนาคารโลกประจำประเทศไทย
ผลการวิจัยปรากฏว่าประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีความสะดวกในการเข้าไปประกอบธุรกิจ อันดับที่ 17 จาก 183 ประเทศทั่วโลก ซึ่งขยับสูงขึ้นจากอันดับ 19 ซึ่งทำให้ยังคงรักษาการเป็น 20 ลำดับแรกของประเทศที่น่าลงทุน และอยู่ในลำดับที่ 3 ของประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก รองจากสิงคโปร์และฮ่องกง ขณะที่สิงคโปร์ยังครองแชมป์อันดับที่ 1 เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน ฮ่องกงอยู่ในอันดับที่ 2 เช่นเดียวกับประเทศเกาหลีที่ขยับขึ้นจากอันดับที่ 16 มาอยู่ที่อันดับที่ 8 และมาเลเซียก็ได้ขยับขึ้นจากอันดับที่ 21 มาอยู่อันดับที่ 18 ส่วนญี่ปุ่นอันดับลดลงจาก 18 มาอยู่ในอันดับที่ 20 ส่วนจีนหล่นไปอยู่ที่อันดับ 91 จาก 79 โดยตัวเลขดังกล่าวจะเห็นได้ว่าประเทศไทยมีคู่แข่งเพิ่มสูงขึ้น
อันดับของประเทศไทยที่เลื่อนขึ้นมาเป็นผลที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านเริ่มต้นธุรกิจ ที่มีอันดับดีขึ้นจากอันดับที่ 98 มาอยู่อันดับที่ 78 ด้านการได้รับสินเชื่อ จากอันดับที่ 72 มาอยู่อันดับที่ 67 และด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง จากอันดับที่ 25 มาอยู่อันดับที่ 24 ซึ่งผลจากการปรับปรุงส่งผลต่อการปรับอันดับขึ้นของประเทศไทยนั้น มีผลต่อการดึงดูดให้นักลงทุนสนใจเข้ามาลงมาทุนในประเทศไทยมากขึ้น ทำให้มีการจ้างงานมากขึ้น ประชาชนมีรายได้ และส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยดีขึ้น
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ