คอลัมน์ โครงร่างตำนานคน  โดย การ์ตอง  มติชน

ในที่สุด การแก้ปัญหาน้ำท่วมใหญ่ที่ประชาชนเดือดร้อนกันทั้งประเทศอย่างแสนสาหัส
ก็สะท้อนว่าการเมืองเป็นอุปสรรคใหญ่จนได้

มวลน้ำมหาศาลหลากจากเหนือลงสู่ภาคกลาง

ยุทธศาสตร์ร่วมกันคือ จะต้องกันน้ำจากพื้นที่เศรษฐกิจ
 
แน่นอนมีกรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางใหญ่ แต่พื้นที่เศรษฐกิจไม่ใช่เฉพาะกรุงเทพฯเท่านั้น อยุธยา ปทุมธานี มีนิคมอุตสาหกรรมอยู่กว้างขวาง แต่ละแห่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจนับหมื่นนับแสนล้าน

มีหมู่บ้านจัดสรรทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ทั้งราคาแพง ราคาถูกอยู่รายรอย

นนทบุรี ปทุมธานี วันนี้มีสภาพไม่ต่างจากกรุงเทพฯ

 มีเสียงเตือนจากผู้รู้เรื่อง "ธรรมชาติน้ำ" อยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ต้นจนถึงวันนี้ ซึ่งทุกอย่างเกือบจะพังพินาศไปหมดแล้วว่า จะต้องปล่อยให้น้ำค่อยๆระบาย เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง

ทว่าเพราะ กทม.มีคนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ชื่อ "สุขุมพันธุ์ บริพัตร" เป็นผู้ว่าราชการ

ขณะที่รัฐบาลซึ่งต้องดูแลคนทั้งประเทศ มีคนชื่อ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ซึ่งเป็นคนของพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี

เพราะพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยเป็นไม้เบื่อไม้เบา เป็นคู่แข่งในเชิงทำลายซึ่งกันและกับ

ขณะที่การจัดการกับอุทกภัย จำเป็นต้องใช้ความเป็นหนึ่งเดียวในการจัดการ

น้ำหลากจากเหนือสร้างความเสียหายย่อยยับให้ภาคกลาง ล้นหลามลงกรุงเทพฯ

"ยิ่งลักษณ์" กับ "สุขุมพันธุ์" ควรทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ จะเอาอย่างไรก็ว่ากันให้เป็นไปในทางเดียว

ควรจะต้องจัดการน้ำอย่างเข้าใจสภาพน้ำ

ทว่าที่เห็นและเป็นไปคือ มีความพยายามที่จะปิดกั้นน้ำไม่ให้เข้ากรุงเทพฯ ขณะที่นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี อ่างทอง ลพบุรี จมน้ำ มีเสียงเรียกร้องให้กรุงเทพมหานครเข้าใจ "ธรรมชาติน้ำ" ให้ปล่อยน้ำผ่านคลองต่างๆ เพื่อระบายลงทะเล

เสียงเรียกร้องไม่ได้รับการขานรับ

คะแนนเสียงของคนกรุงเทพฯเป็นเรื่องที่ "สุขุมพันธุ์" ต้องดูแล

วิธีการแก้ปัญหาคือพยายามสร้างคันกั้นน้ำให้สูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อกันน้ำไม่ให้ท่วมกรุงเทพฯ

แต่ยิ่งกั้นสูง พลังแรงดันของน้ำก็ยิ่งรุนแรง ที่สุดก็เอาไม่อยู่

พังทีละคัน ทีละคัน ขณะที่ความเสียหายรอบกรุงเทพฯเกิดขึ้นมหาศาล ต้องเยียวยากันอีกนาน โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ และความเคียดแค้นของคนต่างจังหวัดที่ต้องรับชะตากรรมให้คนกรุงเทพฯเสวยสุข

น้ำไม่เปียกกรุงเทพฯคือ "ความสำเร็จ" ของ "สุขุมพันธุ์"

ไม่มีท่าทีของความเห็นอกเห็นใจคนต่างจังหวัด และคนรอบกรุงเทพฯ

ไม่มีความเห็นอกเห็นใจแม้กระทั่งนักลงทุนต่างชาติที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยกับความขัดแย้งทางการเมือง

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1319352925&grpid=&catid=02&subcatid=0200

"สุขุมพันธุ์"รับห่วงจุดอ่อนคลองรังสิตตัดพหลโยธิน
 
 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงสถานการณ์ และการเตรียมการป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ ขณะนี้ระดับน้ำคลองเปรมประชากร บริเวณหน้า สน.ดอนเมือง อยู่ในระดับสูงใกล้ตลิ่ง ส่วนคลองอื่นๆ อยู่ในเกณฑ์ปกติ ทั้งนี้ กทม.ต้องเฝ้าระวังเขตดอนเมือง หลักสี่ บางเขต สายไหม คันนายาว มีนบุรี คลองสามวา และหนองจอก
        ส่วนระดับน้ำในคลองสามเสน ช่วงเชื่อมต่อคลองประปา ระดับต่ำกว่าสันเขื่อน 1.84 เมตร อีกทั้งน้ำในคลองประปายังไหลสู่คลองสามเสน ในอัตราต่ำกว่าคาด
        พร้อมกันนี้ยอมรับว่า เป็นห่วงจุดอ่อนของ กทม. คือช่วงคลองรังสิตตัดถนนพหลโยธิน ซึ่งประชาชนในพื้นที่ต่อต้านภารกิจการเสริมพนังป้องกัน รวมถึงที่คลองหลักหก และคลองประปา หากระดับน้ำสูงขึ้น จะส่งผลต่อคลองเปรมประชากร ซึ่งจะมีผลต่อการป้องกันน้ำทะลักเข้าท่วมกรุงเทพฯ ชั้นใน
        อย่างไรก็ตาม ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ปฏิเสธข่าวเจ้าหน้าที่ กทม.เสียชีวิตจากการโหมงานหนัก ภายหลังบรรจุกระสอบทรายเพื่อทำแนวคันป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ

http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9540000135157

ดูข่าวที่คุณชายแถลง  บอกว่าห่วงจุดนี้มาก เพราะเป็นจุดนอกเขต กทม.
แต่กลับไม่มีคนดูแล  กทม.ก็เลยต้อง  เข้าไปดูแลคันกั้นน้ำเอง

เอ๊อ ...นี่แหละหนา  ก็ถ้าเป็นพวกเดียวกัน  ทำเพื่อปชช.เหมือนกัน
ทำไมไม่ประสานกันล่ะคะ  มาบอกผ่านจอ  กะเอาคะแนนแบบนี้อีกแล้ว
ใครว่าเล่นการเมือง  ทั้ง  2  ฝั่ง  ดิฉันได้ยินนายก ฯ ประกาศปาว ๆ
ว่าช่วย ๆ กันทำนะ

วันนี้ อ.จ.ปราโมท ไม้กลัด  ที่ปรึกษา  กทม.  ไปนั่งแถลงข่าวร่วมกับ
ศปภ.  แล้ว  กทม.จะเชื่อ อ.จ.ปราโมท ต่อไหม  เพราะกลายเป็นคน
ละพวกซะแล้ว

เป็นกำลังใจให้นายก ฯ และทีมงานที่เห็นปรับการทำงาน  การแถลงข่าว
เชิญผู้เชี่ยวชาญ มาเป็นที่ปรึกษา  เรียนรู้แก้ไข  เพื่อทำให้ปชช.ผ่านพ้น
วิกฤตินี้ไปให้ได้  ใครมีอะไร ดี ๆ บอกที่บอร์ดนี้  ก็เชื่อว่ามีทีมงานมาอ่าน
หรือจะติ  เพื่อก่อ  ก็ได้นะ  อย่ามาเสียดสีกันยามนี้เลย

เอาที่นายกแถลงมาให้อ่านซ้ำอีกทีค่ะ  นี่คือถ้าทีนายก ฯ ผู้นำรัฐบาล

“อย่างที่เรียนว่าทุกอย่างเราช่วยกันทำเถอะ วันนี้เราอย่ามามองว่าเป็นพื้นที่ใครเลย วันนี้เรามามองว่าเป็นคนไทยด้วยกัน เรามาร่วมทำงาน ตนก็ไม่ได้มองว่าอำนาจใคร แต่ว่าอะไรที่เราช่วยได้คนละไม้คนละมือ เราทำกันเถอะ” นายกรัฐมนตรีกล่าว

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1319269911&grpid=00&catid=&subcatid=