เรื่องกั้นน้ำน่าจะเป็นความคิดที่เก่าแก่แล้ว เก่าไม่น้อยกว่าวัฒนธรรมแจกถุงยังชีพ หากเอาเงินที่ใช้จ่ายแจกถุงยังชีพไปขุดลอกคูคลองต่างๆอาจจะคุ้มค่าหรือเห็นประโยชน์ได้ทันทีหรือมากกว่า...
รัฐบาลต้องกล้าเลิกล้มวัฒนธรรมที่ติดอยู่กับกรอบการแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆ การคิดนอกกรอบยังคงเป็นเพียงวิธีการสุ่มเสี่ยงที่มีคุณค่าพอที่จะนำมาพิจารณา ซึ่งแนวทางแก้ไขนั้นยังคงมีความจำเป็นต้องใช้สถิติตัวเลขเดิมเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา วิเคราะห์เป็นความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยงมาก การคิดค้นวิธีการและแนวทางที่แก้ไขแบบมีประสิทธิภาพจะมีส่วนในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ได้ ล่าสุดได้มีนวัตกรรมทิ้งตู้คอนเทรนเนอร์เพื่อปิดทางไหลของน้ำ ซึ่งวิธีการเช่นนี้ก็คงจะไม่ได้ดีไปกว่าถุงกระสอบทรายแน่นอน? รัฐบาลต้องกล้าพอที่จะแก้ไขปัญหาระยะยาว เอาค่าใช้จ่ายที่แจกถุงยังชีพมาขุดลอกคูคลองและแม่น้ำจะดีกว่า...มีแต่กรณีหนทางขุดร่องน้ำเท่านั้นที่จะแก้ไขปัญหาได้อย่างชะงัด? บางทีเจ้าพระยา 2 อาจเข้าท่ากว่าถุงยังชีพ 1 ล้านถุงก็ได้!
ณ ชั่วโมงนี้พอที่จะสรุปได้แล้วว่ารัฐบาลไม่ประสบผลสำเร็จในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะสำหรับไข่แดง กทม. หรือนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ในวิถีแห่งการไหลของน้ำก็พังพินาศไปหมดสิ้น กลายเป็นปัญหาที่ทำลายโครงสร้างการผลิตทางอุตสาหกรรมของไทยไปอีกหลายเดือน มีคนตกงานนับแสนๆคน มูลค่าความเสียหายในเฉพาะภาคอุตสาหกรรมหลายแสนล้านบาท และอาจจะเป็นปัญหาใหญ่เรื่องการโยกย้ายฐานการลงทุนของต่างชาติด้วยซ้ำไป แน่นอนว่าจะต้องกระทบต่อภาวะวิกฤตการหยุดชะงักของเศรษฐกิจเพราะขาดแคลนอะไหล่หรืออุปกรณ์ในการประกอบชิ้นส่วนที่มีฐานการผลิตในประเทศไทย...
นอกจากนิคมอุตสาหกรรมในอยุธยาพังพินาศลงไปแล้ว ก็ยังเป็นไปได้ที่นิคมทางด้านภาคตะวันออกของ กทม. ตั้งแต่นิคมลาดกระบังไปจนถึงนิคมบางกะชันอาจจะต้องวอดตามไปด้วย นี้เป็นเรื่องที่ต้องรอการพิสูจน์การทำงานการแก้ไขปัญหาในแบบเดิมๆอยู่
มีบางข้อสังเกตมองว่าน้ำท่วมครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์มติชนรายวันฉบับกลางเดือนตุลาคมระบุว่า เกิดจากการที่เขื่อนต่างๆปล่อยน้ำตั้งแต่วันที่ 10 กว่าๆ ของเดือนตุลาคมเป็นต้นมา ในระดับปริมาณน้ำที่มีการปล่อยน้ำมากเกินไป และมวลน้ำจากตรงนี้เองที่ก่อความพินาศให้เกิดขึ้นมา...
เป็นข้อน่าคิดต่อไปว่า ใครเป็นคนสั่งปล่อยน้ำที่มากเกินไปจากเขื่อนเหล่านั้น? รัฐบาลก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร จะเป็นกลไกรัฐส่วนไหน หรือเป็นอำนาจลี้ลับนอกระบบที่ต้องการโยงประเด็นน้ำท่วมเข้ามาเล่นงานจนรัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้?...เมื่อคิดจากในทรรศนะเช่นนี้จึงต้องตั้งเป็นคำถามให้คิดหาคำตอบกันถึงผลของการกระทำเช่นนั้น? และอะไรที่เป็นแรงจูงใจในการกระทำ?
ซึ่งหนึ่งในคำตอบที่หามารองรับได้ก็คือ...การล่มสลายทางเศรษฐกิจของประเทศไทย! ที่ดูว่าจะมีความรุนแรงพอที่จะทำให้อะไรๆก็เกิดขึ้นมาได้ และที่สำคัญจะส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล เลวร้ายที่สุดก็เกิดการล่มสลายของรัฐบาลชุดนี้ไปเลย...เรื่องของ Power และการเมืองกับปัญหาน้ำท่วมจึงเป็นเรื่องเดียวกันแน่นอน...ถ้าเป็นอย่างนั้นก็นับว่าบ้านนี้เมืองนี้มีความโชคร้ายจริงๆ ความน่ากลัวจึงอยู่ที่ว่า แม้กระทั่งประเทศยังยอมเอามาเป็นเครื่องมือเพื่อแลกกับการล้มรัฐบาล...อะไรจะใจร้ายปานนั้น?...
http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=59805
**********************************************************************
เผาบ้านทั้งหลังเพื่อฆ่าหนูตัวเดียวมันไม่ได้ผล xxxเลยเปลี่ยนมาทำน้ำท่วมทั้งหมู่บ้านเพื่อฆ่าหนูตัวเดิม 