 |
สุนัขเยี่ยวรดภูเขาทอง สำนวนนี้ข้าพเจ้าได้ยินเป็นครั้งเมื่อพระอาจารย์แห่งอาศรมปากช่องได้พูดให้ข้าพเจ้าฟัง ท่านเล่าว่า "สมัยก่อนมีคนวิจารณ์หม่อมคึกฤทธิ์หนักหนาสาหัส ท่านก็ได้แต่หัวเราะ ฮึ ฮึ แล้วตอบว่า สุนัขเยี่ยวรดภูเขาทอง" แล้วพระอาจารย์ได้บอกว่า คนที่ทำงานเป็นนักเขียนหรือทำงานในที่สาธารณะนั้นก็จะต้องโดนวิพากษ์วิจารณ์บ้าง หนักบ้าง เบาบ้าง ไอ้เบาเราก็ไม่ถือแต่ไอ้หนัก ๆ หน่อยและเล่นเกินเหตุเกินควร ก็ให้ยึดเอาคตินี้เข้าข่มตัวเอง "สุนัขเยี่ยวรดภูเขาทอง"
เพราะภูเขาทองนั้นยืนตะหง่านอยู่บนยอดสูงข้างล่างก่ออิฐถือปูนแน่นหนา สุนัขมันเยี่ยวอยู่รอบ ๆ มันก็ไม่กระเทือน เยี่ยวสุนัขไม่สามารถทำให้ภูเขาทองถลอกได้ มันอาจจะเหม็นสักหน่อยเพราะปัสสาวะมันก็เป็นสิ่งปฏิกูลแต่พอฝนตกมามันก็ชำระล้างแล้วมันก็จะผ่านไป แต่สุดท้ายแล้วภูเขาทองก็ยังคงตระหง่านไม่ได้ถล่มร่วงเพียงเพราะสายธารของสิ่งปฏิกูล
วันนี้ข้าพเจ้ารู้สึกเช่นนี้ครับ เพราะตั้งแต่เมื่อคืนก็มีคนส่งกระทู้ต่าง ๆ มาให้อ่านมากมายต้องขอบคุณคนส่งข่าวมาก เพราะทุกวันนี้ข้าพเจ้าเขียนอะไรไว้ไม่ว่าจะเรื่องไรเต็มที่ก็รับผิดชอบแต่พื้นที่ของตัวเองไม่ได้ไปตามดูว่าที่ไหนว่าอะไรข้าพเจ้าบ้าง และข้าพเจ้าก็ตกใจพอประมาณที่ห้องราชดำเนิน บ้านหลังเก่าของข้าพเจ้ามีหลาย ๆ กระทู้ตั้งถึงข้าพเจ้า ด่าข้าพเจ้าหนักบ้างเบาบ้าง ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ถือสาอะไร เพราะเป็นเรื่องปกติเมื่อเราเขียนอะไรออกไปทันทีที่เรากด พับบลิช เราก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่ตามมา มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาเหลือเกิน แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าตกใจไม่น้อยคือมีบางคนพยายามเล่นนอกเกมส์ การอ่านหรือเสพสิ่งพิมพ์ทางโลกออนไลน์นั้น จริง ๆ แล้วเราไม่ยึดถือ วัย เพศ การศึกษา ฐานะ เนื่องจากว่าแต่ละคนก็อ่านผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ มิอาจสัมผัสตัวตนน้ำเสียงหรือมองเห็นเจ้าของความคิดนั้นได้แต่ประการใด
แต่ในโลกสังคมออนไลน์นั้นเรายึดถือกันที่ความคิดและเหตุผลกันเป็นหลัก ข้อมูลและภาษา มิใช่เหรอ แต่ทำไมจึงมีคนมาถามว่า ข้าพเจ้าเป็นใครและเหตุไฉนถึงกล้าต่อว่าคุณเอิน ทั้งเขียนปรามาสว่าข้าพเจ้าซุกหัวอยู่ใต้กระโปรง โดยปกปิดตัวตนที่แท้จริง เขาเขียนด้วยข้อความที่เผ็ดร้อนว่า "ไอ้ตัวผู้ที่ใช้นามแฝงน่ะ มันมุดอยู่ใต้กระโปรงใคร มันถึงไม่กล้า เขียนจดหมายโดยใช้ชื่อตรงๆ" ข้าพเจ้าอยากถามว่าคนที่พูดประโยคนั้นไม่สามารถว่าที่บ้านมีภูเขาลูกใหญ่ ๆ ตั้งบังอยู่เหรอครับ ท่านถึงไม่ได้รู้เลยว่า โลกภายนอกมันเป็นอย่างไร ท่านครับ... ข้าพเจ้าอยากจะบอกอะไรท่านสักอย่างแล้วกันว่า "พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก แล้วมันก็ตกลงทางทิศตะวันตกนะครับ"
ข้าพเจ้าอยากเรียนเพิ่มว่า ในโลกของข่าวสารนักวิเคราะห์นักเขียนทางการเมืองไม่ว่าจะในโลกสิ่งพิมพ์พื้นฐานหรือโลกสังคมออนไลน์ มันมากมายมากมีไปด้วยนามแฝงนามปาก อาทิ หมัดเหล็ก , เปลวสีเงิน , กิเลนประลองเชิง , ลัดดา ซุบซิบ แต่ที่ยกตัวอย่างแบบเป็นการเป็นงานก็คือ ซ้อเจ็ด ซ้อเจ็ดคนนี้ถ้าเอาข้าพเจ้าไปเทียบแล้วก็ไม่ต่างจากหิ่งห้อยกับแสงจันทร์เลย ซ้อเจ็ดโด่งดังประหนึ่งว่าเขานั่งเขียนอยู่ใต้เตียงของคนที่ตกเป็นข่าว ไม่ว่าจะเป็นวงการบันเทิงหรือวงการเมือง เขาเขียนทีไรมีคนซี้ดซ้าดและส่งต่อกันอย่างรวดเร็ว แต่วันนี้ข้าพเจ้าอยากถามหน่อยว่ามีใครรู้แน่ ๆ หรือยังว่า "ซ้อเจ็ด" มีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร อย่าตอบว่า ต่อพงศ์ เศวตมาร์ นะครับ เพราะเขาปฏิเสธไปแล้วว่าเขาไม่ใช่ เขายืนยันว่า เขาเป็นเพียงแค่คนที่สามารถติดต่อกับซ้อเจ็ดได้เท่านั้นเอง
ขนาดเรื่องที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนั้น เขียนให้คนได้เสียชื่อเสียเสียงมากมายเขายังเป็นที่นิยมและได้รับการกล่าวถึง สังคมมันดับเบิ้ลสแตนดาร์ดไปหรือไม่...
ไม่นับรวมฟอร์เวิร์ดเมล์โกหก เฟสบุ๊คแหกตา ภาพอ้างเบื้องสูงที่เป็นเท็จ คลิ๊ปเลื่อนลอย ภาพตัดต่อดัดแปลง พวกคุณบางคนเห็นก็ยังเชื่อกัน ซาบซึ้งกัน หยิบยกเอามาด่าคนอื่นโดยไม่ได้มองด้วยซ้ำว่า "เจ้าของที่มาเหล่านั้นชื่ออะไร" และจากนั้นเมื่อมีการพิสูจน์แล้วว่าทุกอย่างเป็นสิ่งที่สร้างขึ้น ลวงตา พวกคุณบางคนก็ปล่อยให้มันเลื่อนลอยและหายไปโดยไม่หาด้วยซ้ำว่าใครเป็นผู้เริ่ม และชื่ออะไร เขาหลบอยู่ในกางเกงในหรือใต้กระโปรงใครไหม และเขาหรือเธอคนนั้นเอาหลังพิงวังหรือเปล่า ยังจำกรณีดาไลลามะได้ไหมครับ ฟอร์เวิร์ดเมล์ฉบับนั้นที่เผยแพร่จนเป็นเรื่องตลกของสังคม ทุกวันนี้มีคนทราบหรือยังว่า คนปล่อยคือใคร
แล้วจะมาเอาอะไรกับคนที่แค่ "แสดงความคิดเห็น" อย่างข้าพเจ้า ในเนื้อหานั้นข้าพเจ้าก็เสนอความคิดเห็นที่เทียบเคียงและมีที่มาที่ไป ท่านจะเห็นต่างหรือไม่นั่นก็คือสิทธิของท่าน เราว่ากันด้วยเหตุผล แต่มิใช่จะมาล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้เขียน ในเนื้อหาเหล่านั้นข้าพเจ้าไม่ได้ใส่ร้ายใครไม่ได้สร้างเรื่องที่ไม่มีจริงขึ้นมาแล้วเอามาพูด การเรียกหาความรับผิดชอบของท่านเหล่านั้นมันเกินเหตุเกินที่จะรับไปไหม จริง ๆ แล้วที่ข้าพเจ้าเขียนข้อเขียนนี้ขึ้นมาไม่ได้เกิดจากอารมณ์โกรธ แต่ข้าพเจ้าเขียนขึ้นมาเพื่อเตือนสังคมว่า "ประเด็นคืออะไร"
ประเด็นคือ คุณเอินได้เขียนข้อความถึงบุคคลหนึ่งเมื่อมีคนไม่พอใจเขาก็เขียนโต้ แต่ทุกสิ่งอันอยู่บนเหตุผล แต่ความแรงของสถานการณ์นั้นอยู่ที่คนเอาไปช่วงใช้เพื่อแย่งชิงสถานการณ์กันหรือเปล่า คุณเอินก็เป็นคนหนึ่งที่พับบลิชข้อความและเธอก็โตพอที่จะรู้ว่าคนทั้งโลกสามารถเข้าถึงข้อมูลนี้ได้ ดังนั้นเธอก็ต้องรู้ว่ามันก็ต้องมีการตอบโต้กันตามเนื้อหา เพียงแต่ว่าการตอบโต้นั้นอยู่ในหลักการและเล่นนอกตำราหรือเปล่า คุณเอินเขียนมาอย่างไรข้าพเจ้าตอบไปอย่างนั้น ประเด็นต่อประเด็น ข้าพเจ้ารับได้ทุกความคิดเห็น แต่รับไม่ได้กับการเล่นนอกเกมส์
อย่างที่บอกว่า ข้าพเจ้าไม่ได้ไม่พอใจเพียงแต่สงสัยว่าคนที่กล่าวล่วงข้าพเจ้าในเรื่องส่วนตัวนั้น ได้รับการอบรมสั่งสอนมาบ้างหรือเปล่า เหตุใดถึงไม่ได้รู้จักคำว่า "มารยาท" เลย ไอ้เรื่องการศึกษาข้าพเจ้าไม่พูดถึงแล้วล่ะครับ เพราะถ้าไม่รู้ว่าการใช้นามปากกานั้นเป็นเรื่องปกติก็คงไม่ต้องไปคาดเดาว่าคน ๆ นั้นเป็นคนมีการศึกษาและอ่านหนังสือหรือเปล่า ข้าพเจ้าขอแนะนำคนที่พยายามดึงเรื่องเนื้อหาไปสู่เรื่องส่วนตัวหน่อยนะครับว่า "กรุณาไปพังภูเขาที่ปิดปากประตูคุณเสียก่อนแล้วออกมาดูโลกภายนอกเสียบ้าง" คุณด่าข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ต้องยอมรับว่าอาจมีโกรธเล็กน้อย แต่มันก็เป็นเรื่องของ สุนัขเยี่ยวรดภูเขาทอง อย่างไร ต่อให้คุณเยี่ยวจนกระเพาะปัสสาวะพัง ชีวิตข้าพเจ้าก็ไม่ได้เสียหายอะไรเลยและข้าพเจ้าก็คงจะเขียนข้อเขียนของข้าพเจ้าให้เพื่อน ๆ ข้าพเจ้าหรือคนเห็นต่างข้าพเจ้าอ่านต่อไป
ท้ายนี้ต้องขอขอบคุณหลาย ๆ ท่านที่พยายามพูดถึงหรือตอบแทนข้าพเจ้า ซึ้งใจมาก ๆ และที่จะลืมไม่ได้เลยคือ พี่จำปูน ของข้าพเจ้า เรายังเป็นพี่น้องกันแม้ไม่ได้พูดคุยกัน ความรู้สึกของข้าพเจ้ายังเหมือนเดิมกับพี่สาวคนนี้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ข้าพเจ้าก็อยากบอกว่า พี่ไม่ต้องโกรธแทนข้าพเจ้าหรอกครับและเห็นหลาย ๆ คนเล่นกับพี่จำปูน อย่าง "ไร้มารยาท" ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ว่าเวบมาสเตอร์ปล่อยไปได้อย่างไร แต่พี่จำปูนครับ คิดเหมือนข้าพเจ้าเถอะครับ เราพี่น้องมาใช้หลักคิดเดียวกันดีไหม "มันก็แค่สุนัขเยี่ยวรดภูเขาทอง"
อาจจะขยะแขยงสักนิด สกปรกไปหน่อย น่ารังเกียจชั่วครู่ แต่พอน้ำฝนตกลงมามันก็จะหายไป
ขอบคุณครับ
จากคุณ |
:
พยัคฆ์ร้ายแห่งคลองบางหลวง
|
เขียนเมื่อ |
:
30 ต.ค. 54 18:42:03
A:101.109.211.243 X:
|
|
|
|  |