1.การที่จะเอาใครมาเป็นนายกฯต้องผ่านขั้นตอนการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยก่อน ไม่ใช่ว่าเอาใครมาเป็นนายกฯเหมือนประเทศเผด็จการ หรือกึ่งเผด็จการที่เอาคนแพ้เลือกตั้งมาเป็นนายกฯโดยให้มีการจัดการกันในค่ายทหาร
ถ้าเสนอตัวลงเลือกตั้งแล้วประชาชนไม่เอาก็เป็นไม่ได้ครับ ถ้าเป็นแล้วไม่ได้เรื่องสมัยหน้าก็ไม่มีคนเลือกครับ ความรู้ในระบอบประชาธิปไตยเบื้องต้นเป็นแบบนี้
2.เขาคิดว่า มาเล่นการเมืองแล้วต้องเปลืองตัวอยู่แล้วเพราะเป็นบุคคลสารธารณะ และรู้จักแยกแยะออกว่า คนที่ออกมาด่าออกมาติชม ถ้าเป็นกลุ่มคนที่ได้รับความเดือดร้อนจากรัฐบาลบริหารจัดการไม่ดีพอก็ต้องน้อมรับเสียงนั้นมาปรับปรุงให้ดีขึ้น
แต่เสียงด่าอีกจากอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งกลุ่มนี้หาเรื่องด่าได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว ต่อให้น้ำไม่ท่วมก็ต้องด่าว่าน้ำแล้งฯลฯแต่งหน้าก็ด่า ไม่แต่งก็ด่า สรรหาวิธีการมาตลอด กลุ่มนี้ต้องเอาหูทวนลมครับเพราะคนกลุ่มนี้ถูกปลูกฝังให้เกลียดชังอย่างไร้สมองและไร้สติ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องมาทนรับฟังอะไรอีก
ยิ่งบางคนขาดสติแม้กระทั่งขุดเอาบรรพบุรุษมาด่ากันทั้งค็อตกรณีกับคนแบบนี้ยิ่งไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาลและหน้าที่ของนายกฯที่จะต้องมารับฟังครับครับ
แต่เป็นหน้าที่ของแพทย์ทางจิตเวชมากกว่านะครับ