[รักคนเสื้อแดง] ขอบคุณคุณตระการฟ้า ตระกองขวัญ ครับ ที่หยิบยกเหตุการณ์วันที่ 13 ต.ค. มาประกอบ อย่างนี้ก็ยิ่งเข้าทางผมครับ
|
 |
กระทู้อ้างอิง
1. P11298844 ทำไมรัฐบาลต้องจัดหาเครื่องสูบน้ำให้ กทม....
2. P11299868 [รักคนเสื้อแดง] ทำไมรัฐบาลต้องจัดหาเครื่องสูบน้ำให้ กทม....
3. P11300204 แหล่งที่มา : หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น ฉบับวันที่ 7 ตค. 2554 13:00 น...ภาวะผู้นำของผู้ว่า กทม
ภายหลังวันที่ท่านผู้ว่าให้สัมภาษณ์วันที่ 7 ตุลาคม จากเหตุการณ์ที่เป็นไคลแมกซ์ตามที่คุณ ตระการฟ้า ตระกองขวัญ ยกเอาเหตุการณ์ข่าววันที่ 13 ตุลาคม มาประกอบ ถ้าว่ากันด้วยสถานการณ์ตามวันที่คุณ ตระการฟ้า ตระกองขวัญ ยกมาสรุปตอนท้ายกระทู้ ถ้าเป็นเราๆ ท่านๆ อ่านแล้ว ประมวลเหตุการณ์แล้ว ผมว่าเราๆ ท่านๆ ต้องรู้สึกว่าเหตุการณ์มันคงจะวิกฤตแล้วใช่ไหมครับ
แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้นเลยครับ ที่ผมจั่วหัวกระทู้ว่า "อย่างนี้ก็เข้าทางผมครับ" ผมในที่นี้ไม่ใช่หมายถึงตัวผมที่ใช้ชื่ออมยิ้มสิงห์สนามหลวงนะครับ ผมในที่นี้คือท่านผู้ว่าครับ ผู้ว่าที่เอ่ยประโยค Talk of the town "ฟังผมคนเดียว" ในวันที่ 13 ตุลาคม ประโยคที่ได้ตอกย้ำว่า "ภาวะผู้นำของท่านผู้ว่า" น้้นมีปัญหาจริงๆ ครับ
ถ้าคุณ ตระการฟ้า ตระกองขวัญ ไม่เชื่อ ผมขอเชิญชวนคุณ ตระการฟ้า ตระกองขวัญ มาดูและฟังคลิป "ผู้ว่าตายเพราะปาก" จิ้มดูคลิป*
*คำต่อคำจากคลิปบางส่วน (ใจจริงอยากให้ฟังเนื้อหาตั้งแต่ต้นจนจบเอาเอง)
นักข่าว : ท่านผู้ว่าครับ แล้วอย่างกรณีที่กั้นเขื่อนที่หลักหกเนี่ย มันไม่สามารถคุ้มกันได้จริงๆ เรามีแผนสำรองอย่างไร?
ท่านผู้ว่า : เราดูอยู่ทุกวันครับ แล้วก็มันมีเวลาครับ เช่น ที่เมืองเอกเนี่ยนะครับ ถ้าคันกั้นน้ำของเราพังลงมา ยังมีเขื่อนของเมืองเอกชะลอน้ำนะครับ แล้วก็ในช่วงที่เขื่อนของเมืองเอกชะลอน้ำเนี่ย เราสามารถคันกั้นน้ำเข้ามาอีกได้ สูบน้ำออกไปได้ รักษาสถานการณ์ได้อีกครับ
ดังนั้นผมจึงจะขอกราบเรียนพี่น้องประชาชนจริงๆ ครับ ผมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจริงๆ นะครับ แล้วก็ตราบใดที่ผมบอกว่ายังไม่วิกฤต นี่ความเชื่อมั่นของผมจริงๆ ครับ
ถ้าจะว่าไปกระทู้ที่เป็นจุดเริ่มต้นของคุณ ตระการฟ้า ตระกองขวัญ นั้นเป็นกระทู้ลักษณะพูดคุยกันคนละเรื่อง คำถามโฟกัสในเรื่องหนึ่ง แทนที่จะหาคำตอบให้แคบตรงประเด็น กลับพยายามขยายผลให้เป็นวงกว้าง ในที่นี้ถ้าเรามองไปที่คำถามที่ว่าด้วยเครื่องสูบน้ำ เราก็กำลังพูดถึงปัญหาในส่วนการทำงานร่วมกันของศปภ.และกทม.ที่เกิดขึ้น เป็นปัญหาที่ว่าด้วยการขอเครื่องสูบน้ำ
ถ้ามองผิวเผินทางการบริหารการจัดการเราก็สามารถฟันธงตอบว่าเป็นแค่ปัญหาทางเทคนิดทางด้านการติดต่อประสานงาน แต่ถ้าจะมองให้เห็นตัวต้นเหตุที่เป็นปัจจัยที่แท้จริง ปัญหานี้มันมีจุดเริ่มต้นกำเนิดขึ้นมาจากตัวบุคคลของท่านผู้ว่าที่ยึดมั่นถือมั่น ถือยศ ถือศักดิ์ศรี ใช้เทคนิคการพูดผ่านสื่อเพื่อแก้ไขปัญหาโดยมีนัยยะทางการเมืองแอบแฝงอยู่
แนวกำแพงกั้นน้ำที่ว่าแกร่ง มวลน้ำน้ำขนาดใหญ่ยังพัดพังทะลายกำแพงกั้นน้ำคันแล้วคันเหล่า แต่ในขณะเดียวกันที่มวลน้ำขนาดใหญ่ที่ฝ่าด่านพังบ้านพังเมืองมาหลายเมือง ในวันที่ 13 ตุลาคมนั้นเอง มวลน้ำขนาดใหญ่นั้นมันกลับไม่สามารถที่จะพังกำแพงอีโก้ของท่านผู้ว่าที่ตั้งขึ้นมาไว้ในใจลงได้แม้แต่น้อยนิด ถ้อยแถลงของท่านผู้ว่าที่แสดงอาการไม่หวั่นไหวแม้วันน้ำจะมามากจึงมาปรากฎในคลิปวันที่ 13 ตุลาคม ตามที่ผมถอดออกมาข้างบน*
และถ้าเราลองย้อนไปดูการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อของท่านผู้ว่าในคลิปโดยรวมตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว ผมขอเขียนแบบดราม่าเพื่อสร้างสีสันสักนิดนะครับ ในคลิปผมมองคล้ายท่านผู้ว่ากำลังประกาศเอกราชให้กับมหานครกรุงเทพ ท่านผู้ว่ามีเจตนารมณ์ที่จะประกาศแยกการทำงานของกทม.ให้เป็นเอกเทศ ถ้ายูใส่ burberry กูก็จะสวม converse all star ทางใครทางมัน ถ้าศปภ.หันซ้าย กทม.ก็จะหันขวา
"ปัญหาคือว่าทุกฝ่ายมีความหวังดี แล้วก็เราอยากร่วมมือกัน แต่มันบางทีก็ บางทีคลื่นไม่ตรงกันบ้างนะครับ ในสถานการณ์เช่นนี้ให้ทุกคนจูนเครื่องตรงกัน มันเป็นไปไม่ได้ครับ" ด้วยถ้อยความนี้ของท่านผู้ว่าที่ปรากฎในคลิปของวันที่ 13 ตุลาคม ก็น่าจะเป็นเครื่องการันตีที่เพียงพอแล้วที่จะบ่งบอกให้ประชาชนทั้งประเทศได้รับรู้ว่าต่อจากนี้ประชาชนคงจะได้เห็นภาพศปภ.กินเกาเหลากทม.ในอนาคตอยู่บ่อยครั้ง
แล้วเรื่องที่ประชาชนอย่างเราๆ ท่านๆ ไม่อยากคิดก็กลับกลายเป็นเรื่องจริง โดยไม่ต้องอิงนิยายแต่งเองบน facebook อาทิ ประตูระบายน้ำหนึ่ง ฝ่ายนายกจะให้เปิด แต่ฝ่ายผู้ว่าจะให้ปิด พอมาอีกประตูระบายน้ำหนึ่ง ฝ่ายนายกจะให้ปิด แต่ฝ่ายผู้ว่ากลับจะให้เปิด สลับกันไปสลับกันมา จนประชาชนและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานสับสน ไม่รู้จะฟังใคร นั่นเอง เรื่องทั้งหมดจึงได้มาจบลงที่ ม.31
ดังนั้นปัญหาน้ำท่วมในประเทศไทยในอดีตจนถึงปัจจุบัน การแก้ไขปัญหาที่แล้วมามันเป็นแค่เรื่องของการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของแต่ละจังหวัดที่ต้องเผชิญกันเองตามยถากรรมในแต่ละปี ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่เคยมีรัฐบาลไหนเข้ามาวางโครงสร้างเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้เป็นระบบในเชิงภาพรวมด้วยวิธีรวมศูนย์อย่างจริงจัง ในอดีตบางรัฐบาลอาจจะเคยพูดถึงแนวคิดและแนวทางนี้บ้าง แต่ก็ยังไม่ปรากฎว่ามีรัฐบาลไหนริเริ่มลงมือทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง
ด้วยวิธีการการแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการที่จะต้องใช้ทั้งทรัพยากรจำนวนมากจากหลายหน่วยงานทุกภาคส่วนประกอบกับปัญหาโครงสร้างที่ซับซ้อนที่ต้องใช้ระยะเวลาและยังไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำมาก่อน การเกิดปัญหามหาอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดที่ประเทศเคยประสบมา แล้วมาเหมาเข่งยกยอดยกให้เป็นการบริหารจัดการน้ำที่ผิดพลาดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ รัฐบาลที่เพิ่งเข้ามาบริหารในช่วงรอยต่อ รอยต่อที่ได้เกิดปัญหาน้ำท่วมอยู่ก่อนแล้ว
ในทางการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในช่วงสั้นๆ สำหรับศปภ.ที่ตั้งขึ้นมาอาจจะมีการบริหารงานจัดการที่ผิดพลาดบ้าง ก็ต้องว่ากันไปตามเนื้อผ้า เมื่อเจอปัญหาก็ต้องแก้ไข ถ้าเจอแล้วไม่แก้นั่นค่อยมาว่ากัน แต่ถ้าฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์จะมารีบร้อนเร่งด่วนสรุปกันเอากลางคัน แล้วกล่าวโทษยัดเยียดเป็นความผิดของยิ่งลักษณ์คนเดียว เจตนาข้ามหัวท่านผู้ว่ากทม. จงใจเห็นท่านอธิบดีกรมต่างๆ เป็นเพียงหัวหลักหัวตอ มองปัญหาเป็นมิติเดียว เลินเล่อไม่มองความซับซ้อนยุ่งยากของปัญหา
ผมกลับมองว่าการด่วนสรุปที่แฝงด้วยอคติเช่นดังกล่าวถือเป็นการสรุปที่มักง่าย ไม่ชอบธรรม ขาดหลักการ ไร้ซึ่งความยุติธรรม ต่อลูกผู้หญิงที่ชื่อยิ่งลักษณ์ และโดยเฉพาะกระทู้ที่เริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามทำไมรัฐบาลต้องจัดหาเครื่องสูบน้ำให้กทม.แล้วขยายความจนเลยเถิดออกนอกวงของปัญหาที่ขีดเส้นจำกัดไว้ในตัวมันเอง ผมจึงมองเป็นการตั้งคำถามและเฉลยคำตอบแบบ "เกาไม่ถูกที่คัน"
| จากคุณ |
:
สิงห์สนามหลวง   
|
| เขียนเมื่อ |
:
7 พ.ย. 54 18:26:05
A:115.87.222.251 X:
|
|
|
| 
