 |
รมว.เกษตรและสหกรณ์ ออกมา ยอมรับ กลางสภาแล้วนะครับ ว่าตัวเอง กักน้ำเอง เพื่อให้ชาวนาเกี่ยวข้าว คราวนี้รู้ตัวการแล้วนะครับ
|
 |
อุทกภัยครั้งใหญ่หลวงที่ประชาชน 27 จังหวัด รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ต้องได้รับความเดือดร้อนไปทั่ว หลายคนสิ้นเนื้อประดาตัว ที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ ก็มีมากมาย
ที่ผ่านมาประชาชนเริ่มทวงหาความผิดรับชอบกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น แต่ก็มีการโยนกันไปมาระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อย่าง "รัฐบาลชุดนี้ " ก็โยนให้ "รัฐบาลชุดที่แล้ว " ว่า เป็นต้นเหตุ เพราะกักน้ำไว้ไม่ยอมปล่อย ทำให้รัฐบาลนี้มีปัญหาในการจัดการบริหารน้ำเนื่องจากปริมาณน้ำที่สะสมมีจำนวนมาก
แต่สุดท้ายความจริงก็ปรากฏออกมาเมื่อ "ธีระ วงศ์สมุทร " รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ยอมรับกลางสภาหลังจากถูกไล่บี้จากฝ่ายค้านที่เขี้ยวลากดินอย่างพรรคประชาธิปัตย์
"ผมยอมรับว่าพูดจริงที่สั่งชะลอน้ำเพื่อให้พี่น้องชาวนาได้เกี่ยวข้าว ก่อนปล่อยน้ำเข้าทุ่ง"
ประกอบกับเข้ากับคำอภิปรายของนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้นำ"เพาเวอร์พอยต์" มาแสดงให้เห็นว่าทั้ง 3 เขื่อนใหญ่ ประกอบด้วยเขื่อนภูมิพล เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนสิริกิติ์ว่า นับตั้งแต่มีการยุบสภาในเดือนพ.ค จนถึงวันที่ 5 ส.ค. 2554 ที่เป็นวันที่สภาเลือกให้ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" เป็นนายกฯซึ่งถึงตอนนั้นอำนาจรัฐไปอยู่ในมือของรัฐบาล ศูนย์กลางอำนาจไปอยู่ที่พรรคเพื่อไทยแล้วหรือแม้กระทั่งวันที่โปรดเกล้าฯให้ "ยิ่งลักษณ์ "เป็นนายกฯวันที่ 8 ส.ค. น้ำในเขื่อนทั้งสามไม่ได้มีปริมาณมากผิดปกติเลย
ซึ่งนั่นก็เป็นการแสดงให้เห็นในตัวว่า "รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์" ซึ่งเป็นรัฐบาลที่แล้วไม่ได้กักเก็บน้ำไว้มากเกินปกติตามที่มีการพูดกัน แต่เป็นเพราะการบริหารจัดการน้ำที่ผิดพลาดของรัฐบาลปัจจุบันเอง
และ"นิพิฏฐ์" ยังได้อ้างถึง "เฟซบุค" ของธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง ในรัฐบาลปัจจุบัน ที่โพสว่า 1. อุปสรรคจัดการน้ำในปีนี้ เกิดจากก่อนหน้าฝนมีการพร่องน้ำในเขื่อนใหญ่ๆ น้อยเกินไป ประกอบกับปริมาณน้ำปีนี้มีมากกว่าปกติเขื่อนจึงล้น และต้องปล่อยน้ำออกจากเขื่อนอย่างเต็มที่ น้ำจากเขื่อนจึงประดังกับน้ำฝน ทำให้ปัญหาทวีคูณ
2. ปริมาณน้ำฝนที่ลงภาคเหนือและภาคกลางในปีนี้ 12,000 ล้าน ลบ.ม. มีปริมาณเท่ากับเขื่อนภูมิพลหนึ่งเขื่อนเท่านั้นเอง ดังนั้นก่อนหน้าฝน หากสามารถพร่องน้ำให้เหลือเพียงครึ่งเขื่อน หรือเหลือหนึ่งในสาม เพื่อให้เขื่อนเก็บกักน้ำฝนที่จะเกิดขึ้นในฤดูใหม่ได้เต็มที่ ก็จะทำให้ปัญหาเบาลง
และ3.สาเหตุที่มีการพร่องน้ำในเขื่อนน้อยเกินไปนั้น เนื่องจากที่ผ่านมาต้องเก็บน้ำไว้สำหรับการปลูกข้าว 3 ครั้งต่อปี แต่หากเปลี่ยนปฏิทินการปลูกข้าวให้เหลือเพียง 2 ครั้ง เดือนพฤศจิกายน-เดือนกรกฎาคม แล้วปล่อยให้พื้นนาว่างเปล่า เดือนสิงหาคม-ตุลาคม ก็น่าจะสามารถพร่องน้ำในเขื่อนได้มากขึ้น จะไม่จำเป็นต้องเก็บน้ำไว้มากเท่าเดิม
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เมื่อไม่มีการปล่อยน้ำให้เป็นไปตามธรรมชาติน้ำก็ไหลเข้าทุ่งและหากวันนั้นปล่อยน้ำลงมาตามธรรมชาติน้ำจะไม่วิกฤติอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
เมื่อไล่เรียงมาทั้งหมดนี้ก็จะเห็นได้ว่า คนที่ต้องรับผิดชอบเต็มๆ ก็คือ "รัฐบาลปู" และพรรคชาติไทยพัฒนา ที่คุมกระทรวงเกษตรและรัฐมนตรีเกษตรฯนั่นเอง
สำนักข่าวเนชั่น @nnanews
จากคุณ |
:
ทวนแห่งไฟ
|
เขียนเมื่อ |
:
11 พ.ย. 54 10:57:20
A:180.214.218.11 X:
|
|
|
|  |